เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ต่อแนวทางแก้ไขความขัดแย้งปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา พบว่า ร้อยละ 67.9 สนับสนุนการเจรจาด้วยสันติวิธี และอีกร้อยละ 55 เห็นด้วยที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดำเนินการแนวทางสันติวิธี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่น ขณะเดียวกันกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ประกอบด้วย นักเคลื่อนไหว นักวิชาการ นักการเมือง อดีต สว. กลุ่มทุนขาประจำ ที่เคยต่อต้านระบอบนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาแถลงข่าวปลุกระดมจากคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ที่พูดคุยหาทางออกอย่างสันติวิธีเพื่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งของ 2 ประเทศกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เอามาจุดประเด็นขยายความขัดแย้งรอบใหม่ พร้อมกับนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 28 มิ.ย. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 

“การข่าวพบว่า กลุ่มขาประจำออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีขาใหญ่ ‘น.’ คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่า ‘น.’ ไหน สั่งให้เครือข่ายไประดมคนต่างจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ยุยงปั่นหัวชาวบ้านสร้างความเกลียดชังใส่ร้าย น.ส.แพทองธาร และรัฐบาลเพื่อไทย อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ระดมคนให้ออกมาชุมนุมวันที่ 28 มิ.ย.ให้มากที่สุด ทั้งที่เพิ่งมีผลสำรวจพอใจต่อการแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา น.ส.แพทองธาร กำลังเดินทางไปอุบลราชธานี พูดคุยให้กำลังใจชาวบ้าน ตรวจเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจต่อเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พูดคุยกับแม่ทัพภาค 2 เพื่อความเข้าใจอันดี เพื่อยืนยันรัฐบาลกับกองทัพ เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีความขัดแย้ง ก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพภาค 2 ยืนยัน ไม่ติดใจเรื่องคลิปเสียง ส่วนตัวมั่นใจว่า นายกฯ แม่ทัพภาพ 2 และทหารทุกคนมีจุดยืนต่อประเทศเช่นเดียวกัน คือรักษาผลประโยชน์แผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยทางเขตแดน ไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำ”

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อไปว่า บรรดานักเคลื่อนไหวนัดแถลงข่าวจ้องล้มรัฐบาล ไม่ต้องแปลกใจ หลายคนมีประวัติทำตัวเป็นปฏิปักษ์มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน มาถึงพรรคเพื่อไทย ปลุกระดมเรื่องเดิมๆ ชาตินิยมแบบสุดโต่ง ครั้งนี้ต้องการจุดชนวนความเกลียดชัง ความขัดแย้งรอบใหม่แต่ก็คงจุดไม่ติด แต่ละคนหวังให้เกิดการเปลี่ยนอำนาจที่ไม่ได้เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย กวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจ ไม่รู้เหมือนกันว่า ในจำนวนนี้บางคนแอบหวังได้กลับไปมีตำแหน่งทางการเมืองในวันข้างหน้าอีกหรือไม่ ประเทศผ่านการยึดอำนาจ รอบล่าสุด 9 ปี ประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจ การค้าขาย การลงทุน ไม่ดี ต่างชาติไม่ยอมรับ ปัญหาต่างๆ ไม่ได้รับการแก้ไข ผลกระทบสุดท้ายตกอยู่ที่ประชาชน เรามีบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้ว อยากจะให้เป็นอย่างนั้นอีกหรือ 

ตอนนี้ น.ส.แพทองธารประคองสถานการณ์ให้ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะมีพรรคการเมืองบางพรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่พรรคการเมืองอื่นยังยืนหยัดร่วมทำงานกับรัฐบาล ต้องขอชมเชยที่จับมือเดินไปด้วยกัน มองเกมอ่านขาด เราเป็นผู้ถูกกระทำจากสงครามจิตวิทยาฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นจึงไม่ควรตกเป็นเหยื่อหันมาขัดแย้งกันเอง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้ พรรคร่วมรัฐบาลยืนยันทำงานกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีเงื่อนไขต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หรือเปลี่ยนนายกฯ แต่อย่างใด ขอเตือนสติกลุ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหว จะนำพาประเทศถอยหลังอีกหรือไม่ ขอยืนยันการยุบสภา นายกฯ ลาออก รัฐประหาร ไม่ใช่ทางออกของปัญหา ควรปล่อยให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง พวกสกัดขาจ้องเล่นนอกกติกา ควรพอได้แล้ว ไม่พอใจก็รอตามระบบวิถีประชาธิปไตย อีก 2 ปีรัฐบาลครบวาระ รอให้ประชาชนตัดสินผ่านสนามเลือกตั้งเป็นหนทางออกที่ถูกต้องและดีที่สุด