สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ว่า นายอับบาส อารักชี รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวหลังเสร็จสิ้นการพบหารือกับคณะผู้แทนการทูตของหลายประเทศในยุโรป ทั้งจากฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลเตหะรานกลับมาเจรจากับสหรัฐ เกี่ยวกับสถานะของโครงการนิวเคลียร์ ว่ารัฐบาลเตหะรานพร้อมเข้าสู่กระบวนการทางการทูต แต่จะเกิดขึ้นเมื่อ “อิสราเอลยุติความก้าวร้าวแล้วเท่านั้น”


ทั้งนี้ อารักชียืนยันว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสันติมาตลอด ตรงกันข้ามกับปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และย้ำว่า อิหร่านมีสิทธิป้องกันตนเอง

ในเวลาเดียวกัน สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีนิวส์ของสหรัฐ ออกอากาศเทปบันทึกการสัมภาษณ์อารักชี ซึ่งกล่าวในช่วงหนึ่งว่า อิหร่าน “ไม่แน่ใจ” ว่าจะสามารถ “ไว้วางใจ” สหรัฐต่อไปได้หรือไม่ จากการที่รัฐบาลวอชิงตันอยู่ข้างอิสราเอล ที่ยังคงปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน

ขณะที่นายแดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า อิหร่านยังคงเป็นภัยคุกคาม และ “มีนโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และยืนยันว่า อิสราเอลจะยังไม่ยุติปฏิบัติการทางทหาร ตราบใดที่โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน “ยังไม่ถูกทำลายให้สิ้นซาก”

อย่างไรก็ตาม “ยังคงคลุมเครือ” ว่าสหรัฐจะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้อย่างเปิดเผยด้วยหรือไม่ นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว อ่านแถลงการณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต่อบรรดาผู้สื่อข่าว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่า “จากข้อเท็จจริงที่ว่า มีโอกาสอย่างมากจะเกิดการเจรจากับอิหร่าน ซึ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ในอนาคตอันใกล้ ผมจะตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ภายในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า”.

เครดิตภาพ : AFP