ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม นายอานุภาพ ภรพิริยะนิยม ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดยโสธร และอุปนายกโรงสีข้าวไทย ทนายวีระยุทธ สิทธิโภช ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อให้ข้อมูลครั้งสุดท้ายในการระบายข้าว 18.9 ล้านตัน สมัยรัฐบาล คสช. ปี 58-62 เร่งระบายข้าวโดยวิธีคิดเองทำเอง ตั้งระเบียบขึ้นมาใหม่เอง ไม่เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ และได้ร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิด เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนตามกฎหมาย

นายบัญชา กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่ผู้ประกอบการคลังสินค้าได้มายื่นเรื่องร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ประกอบการคลังสินค้า ได้รวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ และคณะบุคคลและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สอบสวนเรียบร้อยแล้ว เพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเอาผิดกับข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวสมัยรัฐบาล คสช. ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 67 นายบัญชาพร้อมกลุ่มผู้ประกอบการคลังสินค้าฝากเก็บข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 56/57 กว่า 40 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อดีเอสไอ เพื่อขอความเป็นธรรม และให้สอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จากการยคัดเกรดข้าว การระบายข้าว ตามคำสั่งของคณะอนุกรรมการระบายข้าวที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

โดยกลุ่มผู้ประกอบการคลังสินค้า ต้องการให้ดีเอสไอดำเนินการดังนี้ 1.การตรวจสอบข้าว การเก็บตัวอย่างข้าวหลังรัฐประหาร ไม่เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์

2.มีการจัดเกรดข้าวก่อนขายให้พ่อค้า ทั้งที่ไม่มียุคใดทำมาก่อน เพราะปกติจะขายเหมาโกดัง แต่ปี 60-61 มีการจัดเกรดข้าวเอ-บี-ซี โดยข้าวเกรดซี คือข้าวที่คนกินไม่ได้ ต้องขายเป็นอาหารสัตว์-เผาเป็นเอทานอล-ทำปุ๋ย

ข้าวสารทั้งหมด 18.9 ล้านตัน แต่ถูกจัดเป็นข้าวเกรดซีถึง 12 ล้านตัน เพื่อขายให้เอกชน 19 ราย ในราคา กก. ละ 2-3 บาท ทำให้รัฐเสียหายกว่าแสนล้านบาท เพราะเอกชน (พ่อค้า) เอาไปส่งออก-ขายในประเทศ ถึง กก. ละ 12-13 บาท

3.เจ้าของโกดังทำหนังสือถึง “อคส.-กรมการค้าต่างประเทศ” เพื่อขอซื้อข้าว กก. ละ 10 กว่าบาท แต่ถูกปฏิเสธ ว่าจะขายผ่านการประมูลเท่านั้น! คือ กก. ละ 10 กว่าบาทไม่ขาย แต่จะขาย กก. ละ 2-3 บาท

4.ดีเอสไอต้องตรวจสอบเอกชน 19 ราย ที่ประมูลข้าวเกรดซี 12 ล้านตันออกไป ว่าเอาไปทำอาหารสัตว์-ทำปุ๋ย-เผาเป็นเอทานอล จริงหรือไม่? มี 2-3 รายสงสัยว่าไป ดัดแปลงแก้ไขใบ รง.4 จากที่เป็นแค่โรงสี แต่ติดตั้งเครื่องโม่นิดเดียว ก็มาประมูลข้าวไปทำอาหารสัตว์ได้แล้ว บางรายไปขอเช่าหัวบริษัทอื่นมาก็มี

5.ปกติข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นข้าวนิ่ม จะเสียหายเร็วกว่าข้าวขาว ซึ่งเป็นข้าวแข็ง แต่ทำไมข้าวหอมมะลิในโกดังที่ จ.สุรินทร์ (เปิดประมูลขายปี 67) เก็บไว้เป็น 10 ปี แต่คุณภาพยังดีอยู่ แล้วทำไมข้าวขาว อายุ 4-5 ปี จึงเสียหายง่ายนักในปี 60-61 ถึง 12 ล้านตัน