ท่ามกลางอุปสรรครุมเร้า เรื่องภายในประเทศ เรื่องชายแดน เรื่องคลิปหลุดเจรจากับฮุน เซน ประธานองคมนตรีเขมร มีข่าวว่า “นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่อรองกับพรรคการเมืองบางพรรค ขอให้ยังสนับสนุนต่อไป แล้วจะลาออกหรือยุบสภาหลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ผ่านสภา

“เลขาบอย” สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธข่าวแล้วว่า ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง นายกฯ อิ๊งค์ ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤติภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา

“รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมทั้งหมด ไม่ลาออก และไม่ยุบสภา เพราะเป้าหมายของเราคือการเร่งแก้ปัญหาให้จบ และผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง เราเชื่อว่าความต่อเนื่องในการบริหารประเทศเป็นสิ่งจำเป็น”

ส่วนเสถียรภาพของเสียงพรรคร่วมรัฐบาล นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า รัฐบาลเสียงไม่ปริ่มน้ำ ความเป็นจริงคือมีอีกหลายคน พรรคไม่มา แต่คนมา และยืนยันว่าไม่ใช่งูเห่า เพราะบางคนเขาไม่อยากอยู่ที่เดิม เขาอึดอัดไม่สบายใจ หากเปิดสภา เสียงที่มีอยู่ไม่เป็นอุปสรรคในการพิจารณากฎหมาย พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคก็มีคนสมัครเยอะแยะ ยังไม่อยากเปิดเผยตัวเลข เพราะเป็นมารยาท ใครจะไปจะมาก็แล้วแต่ความสะดวก

“วันนี้เสียงรัฐบาลพออยู่แล้ว ทราบมาจากวงในว่ามีคนขอย้ายเข้ามาเยอะ ตอนนี้น่าจะเกิน 270-280 เสียงแล้ว มีหลายพรรคที่พรรคไม่มา แต่ตัวคนมา แต่ขณะนี้ยังเป็นความลับอยู่ ดังนั้น ใครจะอยู่หรือไป เราไม่ได้กังวล”

ส่วนความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) “แพทองธาร 2” โผ ครม. บางตำแหน่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรรคที่เสร็จแล้วทยอยส่งชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคตนเอง ไปยังแกนนำรัฐบาลในช่วงสุดสัปดาห์ อาจจะมีบางตำแหน่งของบางพรรคที่ยังไม่เรียบร้อย จะเสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ ในส่วนของเก้าอี้ รมว.กลาโหม คนใหม่ มีตัวเลือกระหว่าง “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหม และ “บิ๊กนัย” พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีตผู้สมัครนายก อบจ.ลพบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย และเป็นนักเรียนเตรียมทหารทหารรุ่นที่ 21 เคยรับราชการในพื้นที่ลพบุรี เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ซึ่งเป็นรุ่นน้องเตรียมทหาร พล.อ.ณัฐพล ที่อยู่ในรุ่น 20 เป็นสองตัวเต็งชิงเก้าอี้ รมว.กลาโหม

กระทรวงมหาดไทย ค่อนข้างนิ่งว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มานั่งเก้าอี้ “มท.1” ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 3 เก้าอี้ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังคงนั่งในตำแหน่งเดิม ส่วน “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข สลับมานั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย และมีชื่อ “แทน” ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช นั่งเก้าอี้ รมช.สาธารณสุข

ด้านพรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม มีแนวโน้มเสนอชื่อนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา สายตรง ร.อ.ธรรมนัส เข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และมีแนวโน้มว่าพรรคกล้าธรรมจะได้รัฐมนตรีเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง

พรรค รทสช. ได้ทั้งหมด 4 เก้าอี้เหมือนเดิม โดยพรรคแกนนำรัฐบาลแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค จากเดิม 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยเป็นโควตากลาง ตัด 1 เก้าอี้ในส่วนนี้ ให้เป็นโควตากลุ่ม 18 ของ “เฮียเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรค โดยแบ่งเป็น 2 เก้าอี้ คือ ฝั่ง “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค และ “เลขาขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค

อีก 2 เก้าอี้ เป็นของกลุ่ม 18 ของเสี่ยเฮ้ง เพราะมีเสียงเท่ากัน 18 เสียง โดยมีชื่อคนนอก “ปลัดตุ๋ม” จตุพร บุรุษพัฒน์ หรือ “ปลัดตุ๋ม” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นโควตากลุ่ม 18 นั่งเป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทั้งกลุ่ม 18 และกลุ่มของนายพีระพันธุ์ ยื่นข้อเสนอขอควบตำแหน่งรองนายกฯ ด้วย

ในส่วนของพรรคเพื่อไทย มีรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งเพียงแค่คนเดียวคือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่มีปัญหาเรื่องการผลักดันราคาพืชผลเกษตรกรให้แก่เกษตรกร ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย นอกจากนั้นจะเป็นการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง อาทิ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ไปเป็น รมว.พาณิชย์ เพื่อยกระดับราคาพืชผลการเกษตร ผู้ที่อาจเข้ามาเป็น รมว. เพิ่มเติมในส่วนของพรรคเพื่อไทยคือ “ปลัดปื๊ด” เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ที่ทำงานผลงานได้ดีในการเป็นปากเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามามีตำแหน่งใน ครม. แต่ยังไม่ระบุตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่สนามหน้าพระบรมรูป ร.5 หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร “สส.ลูกหมี” ชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร หลายสมัย พร้อมด้วย 3 สส.ชุมพร พรรค รทสช. นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.เขต 1 นายสันต์ แซ่ตั้ง เขต 2 นายชุมพล จุลใส เขต 3 (ทั้งสามคนไม่ปรากฏชื่อเป็น สส.กลุ่ม 18) นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร พร้อมด้วยกลุ่มพลังมวลชน มารวมตัวกันแสดงจุดยืน ต่อกรณีที่มีคลิปหลุดการพูดคุยกันระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานองคณะมนตรีกัมพูชา ที่มีการพูดด้อยค่า แม่ทัพภาคที่ 2 และเอาใจผู้นำประเทศกัมพูชา คนไทยได้ฟังคลิปนี้จะรู้สึกว่า ประเทศไทยเสียเกียรติภูมิอย่างมาก ที่มีผู้นำแบบนี้ จึงเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ถ้าเขาไม่ออก พวกเราก็จะออกเอง ขอให้ รทสช. ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล

“อ.ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สถานการณ์การเมือง ณ เวลานี้ น่าจะชัดเจนแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา แต่จะลากรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไปต่อ ไทยจะได้เห็นอะไรต่อจากนี้ 1. การเอาอกเอาใจกองทัพ การให้กองทัพมีอำนาจเหนือรัฐบาล มากยิ่งขึ้น 2. การเอาอกเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ผ่าน 8 เก้าอี้ รัฐมนตรีที่ว่างอยู่ 3. การแย่ง ต่อรอง ตำแหน่งของนักการเมือง การดึง การดูด เอาเก้าอี้ รมต. ผลประโยชน์มาหลอกล่อ สส. ของพรรคอื่นๆ ให้แตกแถว เพื่อรักษาเสถียรภาพรัฐบาล 4. นิติสงคราม เพื่อจัดการนายกรัฐมนตรี 5. พรรคการเมืองและรัฐบาล แสดงออกแบบขวาจัดมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาใบอนุญาตที่ 2 สภาพการเมืองและรัฐบาลแบบนี้ ไม่มีทางแก้ไขปัญหาประเทศชาติ นำพาประเทศชาติไปได้ ไม่มีทางสร้างความเชื่อมั่นและความหวังให้กับประชาชนได้

“2 ทศวรรษแล้ว ที่ประเทศไทยของเราต้องเสียเวลา โอกาส ทรัพยากร ไปกับการแก้ไขปัญหาของคนไม่กี่ครอบครัว เมื่อรัฐที่เป็นของประชาชน ถูกทำให้กลายเป็นสมบัติของตัว ของตระกูล เอามาแก้ไขปัญหาเรื่องของตัว ของตระกูล ประชาชนก็ถูกทำให้เป็นผู้อาศัยต้องรับภาระ รับผลร้าย จากการละเล่นของพวกเขา”

นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต สส.กทม. เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องขอทบทวนปิดสวิตช์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ด้วยการทำหนังสือถึง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้จัดประชุมพิจารณาทบทวนมติคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เพราะการร่วมรัฐบาลต่อ ทำให้สมาชิกไม่พอใจมาก จนทยอยลาออกจากสมาชิกพรรค และที่ผ่านมาเป็นการประชุมที่รีบร้อน กรรมการอาจได้รับข้อมูล ข้อเท็จจริง และอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนไม่รอบด้านเพียงพอ ควรพิจารณาอีกครั้ง

ปิดท้ายด้วย “อดีต สส.คึก” เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กว่า กรณีปัญหา น.ส.แพทองธาร ขณะนี้ เห็นว่าการยุบสภามีผลดีกว่าการลาออก อาทิ จะเพื่อเปิดโอกาสให้มีการสรรหานายกฯ ใหม่ ในสภา เลือกจากแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรคการเมืองเท่านั้น ซึ่งขณะนี้รายชื่อเหลืออยู่น้อยมาก ถ้ายุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ จะเป็นการสลายขั้วใหม่ทั้งหมด เป็นการปลดล็อกทางการเมือง เพราะหากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ก็จะมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาล และการเลือกตั้งยังทำให้เงินสะพัดทั่วประเทศอีกด้วย.

“ทีมข่าวการเมือง”