เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายธรณินทร์ มโนสุขประเสริฐ หรือ แบงค์ อายุ 26 ปี, นายทัพพ์ เทพวงศ์ หรือ ทัพพ์ อายุ 23 ปี, นายชุณวรรณ หมั่นดี หรือ นิว อายุ 22 ปี และ นายศุภวิชญ์ วงศ์ฟู หรือ เจมส์ อายุ 21 ปี ดาราหนุ่มในละครซีรีส์วาย “เพียงสบตา” ทางช่อง 25 GMM Grammy ได้เดินทางเข้าพบ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เพื่อหารือข้อกฎหมาย เนื่องจากเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทที่สังกัด

โดย แบงค์ เปิดเผยว่า ตนรับบทเป็นพระเอกในละคร มีเพื่อน ๆ อีก 3 คน รวมทั้งดาราเด็กซึ่งศึกษาอยู่ชั้นมัธยม อีกกว่า 10 คน ร่วมแสดงละครซีรีส์วายเรื่องนี้ ได้รับค่าตัวเป็นตอน ๆ ทั้งหมด 90,000 บาท หักภาษี ณ ที่จ่ายก็เหลืออยู่ประมาณ 80,000 บาท ทางบริษัทได้จ่ายให้ตนเองเรียบร้อย แต่หลังจากละครจบ ทางบริษัทได้ให้ตนเองไปออกงานอีเวนต์หลายสิบแห่ง โดยไม่จ่ายค่าตัวหรือออกค่าใช้จ่ายใด ๆ รวมทั้งตนยังช่วยขายหนังสือได้นับพันเล่มให้กับทางบริษัท แต่ไม่ได้เปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงกันไว้

ส่วนค่าตัวตนเองที่ได้ 90,000 บาทนั้น ทราบมาว่าทางผู้ใหญ่ได้ให้เงินกับบริษัทไว้เป็นค่าตัวสำหรับพวกตนเองคนละ 150,000 บาท แต่กลับถูกทางบริษัทหักค่าตัวไปโดยไม่แจ้งให้ทราบ ทำให้พวกตนเองรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ อีกทั้งพวกตนทั้ง 4 คน ทำสัญญากับบริษัทแห่งนี้เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน การมาร้องเรียนที่มูลนิธิรณรงค์วันนี้ต้องการอยากให้ช่วยเหลือในเรื่องของสัญญาที่ทำไว้ว่าจะบอกยกเลิกได้หรือไม่

ด้าน นายทัพพ์ เผยว่า ตนได้ค่าเหนื่อยจากการแสดงเพียง 20,000 บาท ไม่ได้ติดใจตรงส่วนนี้ แต่ตนติดใจที่ว่าตนกับเพื่อน ๆ ไปออกงานอีเวนต์ ทำไมทางบริษัทไม่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าตัวที่ไปออกงาน รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบและไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากขอให้ทางทนายรณณรงค์ ช่วยทำเรื่องยกเลิกสัญญาผูกพันที่มีกับบริษัทด้วย

ส่วน นายเจมส์ กล่าวว่า ตนได้ค่าตัวจากการเล่นละคร 18,000 บาท ถือว่าน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ บริษัทรับค่าตัวของพวกตนเองทั้ง 4 คนคนละ 150,000 บาท แต่กลับมาจ่ายให้พวกตนเพียงน้อยนิด เมื่อเอ่ยปากทวงถาม ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่าหักค่าใช้จ่ายและค่าภาษีต่าง ๆ นานา

ด้าน นิว เผยว่า ได้ค่าตัวจากการแสดงซีรีส์วายเรื่องนี้ 70,000 บาท แต่ถึงเวลาจ่ายให้ตนเองเพียงแค่ 20,000 บาท ส่วนที่เหลือเมื่อทวงถามก็ได้รับการปฏิเสธ ยิ่งมาทราบว่า ทางบริษัทรับค่าตัวตนเองทั้ง 4 คน คนละ 150,000 บาท รวมทั้งน้อง ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 10 คน คิดเป็นเงิน 1,500,000 บาท ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ถูกเอารัดเอาเปรียบ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ตนไม่ต้องการเรียกร้องเงินส่วนที่ขาด เพียงแต่ตนทั้ง 4 คน อยากขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของการยกเลิกสัญญาที่ยังไม่หมด เพราะต้องการเป็นอิสระไม่ผูกพันกับบริษัทแห่งนี้อีกแล้ว

ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาหนทางช่วยเหลือในเรื่องของการยกเลิกสัญญาผูกพันที่ทำไว้ ซึ่งสามารถทำได้หากถูกเอารัดเอาเปรียบ อยากให้ทางผู้บริหารของบริษัทเห็นใจเด็ก ๆ ด้วย เพราะทั้งหมดยังเรียนหนังสืออยู่ ควรจะดูแลและให้ความเป็นธรรมกับเขา อย่าได้ไปเอารัดเอาเปรียบ.