สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่ากระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ว่า “มีความวิตกกังวลอย่างยิ่ง” ต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิหร่าน ซึ่งถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดของซาอุดีอาระเบีย จากการที่สหรัฐปฏิบัติการทางทหาร โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของอิหร่านอย่างโจ่งแจ้ง
#Statement | The Kingdom of Saudi Arabia is following with deep concern the developments in the Islamic Republic of Iran, particularly the targeting of Iranian nuclear facilities by the United States of America. pic.twitter.com/UETTccSNgc
— Foreign Ministry ???????? (@KSAmofaEN) June 22, 2025
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพ อัล-อูเดอิด ที่เป็นฐานทัพสหรัฐขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับ “ผลกระทบย้อนกลับที่ร้ายแรง” ทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นผลสืบเนื่องจากการที่สหรัฐโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
Last week, we were in negotiations with the US when Israel decided to blow up that diplomacy.
— Seyed Abbas Araghchi (@araghchi) June 22, 2025
This week, we held talks with the E3/EU when the US decided to blow up that diplomacy.
What conclusion would you draw?
To Britain and the EU High Rep, it is Iran which must "return"…
ด้านนายอับบาส อารักชี รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า การที่สหรัฐและอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน ได้แก่ นาทานซ์ อิสฟาฮาน และฟอร์โดว์ ถือเป็นการทำลายความพยายามทางการทูตที่ดำเนินมาโดยตลอด
ส่วนเกี่ยวกับการที่หลายประเทศในยุโรปเรียกร้องให้อิหร่านกลับไปเจรจานั้น อารักชีกล่าวว่า “จะกลับไปได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยเดินออกมา”.
เครดิตภาพ : AFP