เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 25 มิ.ย. 68 ที่รัฐสภา นางมนพร เจริญศรี  รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค. นี้ ซึ่งทางรัฐบาลจัดลำดับกฎหมายในการพิจารณาอย่างไรบ้าง ว่า ต้องดูวาระการประชุมเดิมในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดี เป็นการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา กระทู้ถามทั่วไป และกระทู้แยกเฉพาะ และในช่วงบ่ายจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฉบับต่างๆ ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว และในวันที่ 9 ก.ค. นี้ จะเป็นการพิจารณากฎหมาย ซึ่งเดิมวาระของสภา พิจารณาเรื่องแรกคือร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต่อด้วยร่าง พ.ร.บ.สังคมสันติสุข และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมประมาณ 4 ร่าง

นางมนพร กล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายรัฐบาลก็รับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนในเรื่องของความไม่เข้าใจของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งได้มีการสื่อสารตลอดช่วงปิดสมัยประชุมเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ามีเรื่องกาสิโนเพียงแค่ร้อยละ 10 นอกนั้นเป็นเรื่องของการจัดศูนย์แสดงสินค้า หรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และเราก็ทำความเข้าใจแต่คงต้องใช้เวลาอีก ส่วนความเห็นของฝั่งรัฐบาลก็ได้สื่อสารไปยังนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ว่าเห็นควรที่จะเลื่อน พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน โดยจะเลื่อนร่าง พ.ร.บ.สังคมสันติสุข และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้ามาเป็นเรื่องแรก

นางมนพร กล่าวต่อว่า ส่วนกระทรวงคมนาคมจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางราง ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) โดยพิจารณาเสร็จแล้ว เหลือแต่ร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาท จะเร่งรัดให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพื่อเข้าสู่การพิจารณาให้เป็นกฎหมายแพ็กเกจ นำไปสู่การทำนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

เมื่อถามว่า 20 บาทตลอดสาย คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่ นางมนพร กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. มี 8 มาตรา ตอนนี้ถึงมาตรา 4-5 แล้ว คาดว่าจะพิจารณาเสร็จในสัปดาห์หน้า แล้วจะกลับไปทบทวนร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมสรุป เพื่อเตรียมให้สภาบรรจุเข้าระเบียบวาระ และคาดว่าหลังจากผ่านการพิจารณาของสภา ก็จะไปต่อที่ฝั่ง สว. โดยมีเดดไลน์ในเดือน ก.ย. หรือ ต.ค. ซึ่งเป็นนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้มุ่งมั่นมาตลอด

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องเสียงของ สว. หรือไม่ หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นางมนพร กล่าวว่า ประเด็นต้องแยกกัน ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่ถอนตัวออกจากรัฐบาล การเสนอ พ.ร.บ. สำคัญๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน คงไม่ได้ยึดเพียงแค่พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคก็เห็นด้วยว่า ถ้านโยบายรัฐบาลทำสำเร็จ ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่จะใช้รถไฟฟ้าราคาถูก และประชาชนฝากความหวังให้ทุกท่านเป็นตัวแทน

“เชื่อมั่นว่ากฎหมายนี้จะไม่มีติดขัด หรือถูกตีกลับมาจากฝั่ง สว. ซึ่งจะไม่เป็นการตอกย้ำว่า สว. ในปัจจุบัน เป็นคนของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ท่านก็จะใช้เวทีของ สว. นี้แสดงตัวว่า เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มาเป็นผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง” รมช.คมนาคม กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะขณะนี้เสียงของฝ่ายค้านกับรัฐบาลถือว่าใกล้เคียงกัน นางมนพร กล่าวว่า ทุกคนมีความห่วงใยในเรื่องนี้ ทั้งนี้จากการที่เราได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนมีความห่วงใยในเรื่องนี้และเชื่อมั่นว่าหาก สส. รู้จักการทำหน้าที่ของตัวเอง เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง เป็นองค์ประชุม ไม่ขาดประชุม ก็เชื่อว่ากฎหมายทุกฉบับที่ได้ความร่วมมือกับทุกพรรครัฐบาลจะฝ่ายไปด้วยดี

เมื่อถามถึง กรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้รัฐบาลถอดถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อนนั้น นางมนพร กล่าวว่า จริงๆ ไม่ต้องให้ทางฝ่ายค้านแจ้งก็ได้ รัฐบาลมีการทบทวนและฟังเสียงประชาชนอยู่แล้ว อะไรที่ประชาชนมีความคลางแคลงใจ รัฐบาลต้องรับฟังเสียงทุกเสียง เพราะถือว่าเป็นเสียงสะท้อน และยอมรับว่าขณะที่เราเสนอนั้น เราอาจจะไม่ได้สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เราไม่ได้สร้างบ่อนหรือกาสิโนใดๆ เรามีกาสิโนแค่ร้อยละ 10 เท่านั้น ฉะนั้น เมื่อเราได้ฟังเสียงของประชาชนเป็นวงกว้าง เราจึงให้วิปรัฐบาลทบทวน

เมื่อถามว่า การทบทวนหมายถึงการทบทวนเรื่องลำดับ แต่ไม่ได้มีการถอนออกใช่หรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ในเมื่อกฎหมายฉบับนี้ถูกบรรจุในระเบียบวาระ เราต้องรับฟังเสียงรอบด้าน และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของสมาชิกในสภาเช่นกัน ฉะนั้น ต้องฟังเสียงของสมาชิกด้วยว่าจะถอนออกหรือไม่ หรือจะเลื่อนไปเมื่อไหร่.