ปัญหาโครงการก่อสร้างอาคารผลิตน้ำประปาผิวดิน (สถานีใหญ่) ในที่ดินของวัดกลางเหนือ หมู่ 2 ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม โดย อบจ.สมุทรสงคราม เมื่อปี 2549 ด้วยงบประมาณ 7,984,000 บาท ตามข้อบัญญัติ อบจ.สมุทรสงคราม งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และได้ถูกทิ้งร้างเกือบ 20 ปี จนปี 2560 การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาสมุทรสงคราม ได้ขอรับโอนโรงกรองน้ำฯ ขนาด 100 ลบ.ม./ชั่วโมง พร้อมสิ่งก่อสร้างจาก อบจ.สมุทรสงคราม มีการลงนามบันทึกการส่งมอบและรับมอบสินทรัพย์กัน แต่การประปาฯ ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ มาจนปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวเข้าพบ นายนันทวรรธน์ สุขุมานนท์ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาสมุทรสงคราม ขอทราบเรื่องนี้ โดยนายนันทวรรธน์ เปิดเผยไทม์ไลน์เรื่องนี้ว่า การรับโอนทรัพย์สินระบบการประปาผิวดิน (สถานีใหญ่) เริ่มเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 กปภ.สาขาสมุทรสงคราม ขอรับโอนโรงกรองฯ ขนาด 100 ลบ.ม./ชั่วโมง พร้อมสิ่งก่อสร้างจาก อบจ.สมุทรสงคราม วันที่ 27 กันยายน 2560 อบจ. ส่งมอบทรัพย์สินพร้อมบันทึกส่งมอบและรับมอบเพื่อลงนามมายัง กปภ.สาขาสมุทรสงคราม วันที่ 9 ตุลาคม 2560 งานคุณภาพน้ำ 2 การประปาภูมิภาคเขต 3 (กปภ.ข.3) ลงพื้นเก็บตัวอย่างน้ำดิบเพื่อทดสอบคุณภาพน้ำ

ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน 2563 กปภ.สาขาสมุทรสงคราม ได้ขอส่งคืนทรัพย์สินประปาผิวดินฯ คืนให้กับ อบจ.สมุทรสงคราม เนื่องจากต้องใช้งบประมาณถึง 15 ล้านบาท เพราะระบบที่ก่อสร้างไม่รองรับการผลิตน้ำของ กปภ. อีกทั้งคุณภาพน้ำมีความเค็มสูง ไม่สามารถใช้ผลิตน้ำประปาได้ จึงขอส่งคืนทรัพย์สินประปาผิวดินสถานีใหญ่ให้กับ อบจ.สมุทรสงคราม เป็นการขอคืนครั้งที่ 1

ต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 สำนักพุทธศาสนา จ.สมุทรสงคราม แจ้งให้ กปภ.สมุทรสงคราม ซึ่งรับโอนทรัพย์สินฯ กับ อบจ.สมุทรสงคราม ทำสัญญากับวัดกลางเหนือ หรือรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้าง

วันที่ 18 เมษายน 2566 กปภ.ข.3 แจ้งผลการหารือการรับโอนเป็นไปโดยไม่มีอำนาจ จึงแจ้งปฏิเสธการรับโอนไปยัง อบจ.สมุทรสงคราม และขอส่งคืนเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากการรับโอนไม่ถูกต้องตามขั้นตอน ขณะที่ อบจ.สมุทรสงคราม แจ้งปฏิเสธ เนื่องจากเวลาล่วงเลยและไม่มีความพร้อมด้านบุคลากรและงบประมาณ กปภ.สาขาสมุทรสงคราม จึงหารือเรื่องการรับโอนทรัพย์สินเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงาน ไปยัง กปภ.ข.3

วันที่ 8 เมษายน 2567 กปภ.ข.3 แจ้งผลการหารือว่า เป็นไปโดยไม่มีอำนาจจึงไม่มีผลผูกพัน กปภ.สาขาสมุทรสงคราม จึงแจ้งปฏิเสธการทำสัญญาและรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างไปยังสำนักพุทธศาสนา จ.สมุทรสงคราม พร้อมแจ้งปฏิเสธการรับโอนไปยัง อบจ.สมุทรสงคราม อีกเป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากการรับโอนไม่ถูกต้องตามขั้นตอน

นายนันทวรรธน์ กล่าวว่า การรับโอนทรัพย์สินระบบประปาผิวดินสถานีใหญ่วัดกลางเหนือ เมื่อปี 2560 เนื่องจากขณะนั้นประชาชนบริเวณดังกล่าว ประสบปัญหาน้ำประปาไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่คุณภาพน้ำมีความเค็มจนไม่สามารถผลิตน้ำประปาได้ จึงหารือไปยัง กปภ.ข.3 ได้คำตอบว่าการรับโอนไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนจึงเป็นโมฆะ อีกทั้งการจะปรับปรุงให้ใช้งานตามระบบการประปาได้ต้องใช้งบประมาณถึง 15 ล้านบาท นอกจากนี้การรับโอนทรัพย์สินระบบการประปาผิวดินที่วัดกลางเหนือ ยังเป็นไปตามระเบียบการรับบริจาคทรัพย์สิน จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่การประปาจะรับโอนได้ อีกทั้งการจะรับโอนกิจการจาก อปท. จะต้องเป็นไปในรูปแบบและตามหลักเกณฑ์ประกาศคำสั่งของการประปาด้วย เรื่องนี้จึงต้องให้ อบจ. หารือไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จนกว่าจะได้คำตอบที่แน่ชัด

นายเจษฎา ญาณประภาศิริ นายก อบจ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า เรื่องนี้ยืนยันว่าทาง อบจ. จะดำเนินการอย่างอื่นไม่ได้ เพราะตามระเบียบทรัพย์สินได้มีการถ่ายโอนให้กับ กปภ.สาขาสมุทรสงคราม ไปแล้วตั้งแต่ปี 2560 มีการบันทึกส่งมอบครบถ้วน และทาง อบจ. ก็ได้ตัดออกจากบัญชีทรัพย์สินไปนานแล้ว จนเมื่อ 3 ปีต่อมา กปภ.สาขาสมุทรสงคราม ถึงแจ้งว่าไม่มีอำนาจรับโอนและไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของการประปาจึงเป็นโมฆะ ซึ่งเรื่องนี้ อบจ. เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องภายในของการประปาที่ต้องจัดการกันเอง อย่างไรก็ตามทาง อบจ.สมุทรสงคราม จะหาข้อสรุปอีกครั้งว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของใครให้แน่ชัด เพื่อจะได้วางแนวทางที่ชัดเจน เนื่องจากวัดกลางเหนือ ก็ต้องการนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ อบจ.สมุทรสงคราม ได้หารือผ่านจังหวัดไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปแล้ว