เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.เรื่องราวสุดสะเทือนใจของชายหนุ่มวัย 20 ต้นๆ ที่ต้องเผชิญกับภาวะอัมพาตทั้งร่าง หรือ “ล็อกอินซินโดรม” (Locked-In Syndrome) ตลอดชีวิต ได้กลายเป็นอุทาหรณ์ถึงความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันจากการจัดกระดูกคอ เพียงครั้งเดียว

นายโจนาธาน บัคเคเลว (Jonathan Buckelew) ซึ่งปัจจุบันอายุ 34 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2558 หลังจากเกิดอาการชักและไม่ตอบสนองระหว่างการจัดกระดูกคอ ตามเอกสารของศาลที่ Daily Mail รายงาน

บัคเคเลว ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในวัย 20 ต้นๆ ถูกนำส่งโรงพยาบาล North Fulton Hospital แต่ภาวะ “สมองขาดเลือดที่ก้านสมอง” (brain stem stroke) ของเขาไม่ได้รับการวินิจฉัยเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ ซึ่งความล่าช้านี้เองที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

ทำความรู้จัก “ล็อกอินซินโดรม”

การวินิจฉัยและการรักษาที่ล่าช้าส่งผลให้บัคเคเลวมีอาการของภาวะ “ล็อกอินซินโดรม” ซึ่งเป็นภาวะทางระบบประสาทที่หายากและรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะกลายเป็น อัมพาตทั้งตัว ไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนใดๆ ของร่างกายได้เลย ยกเว้นการเคลื่อนไหวของดวงตา แม้จะยังคงรับรู้สภาพแวดล้อม ได้ยินเสียง และมีความคิดที่ครบถ้วน แต่กลับไม่สามารถสื่อสารหรือเคลื่อนไหวร่างกายส่วนอื่นได้เลย

ตามข้อมูลจาก National Library of Medicine ภาวะล็อกอินซินโดรม (LIS) เกิดจากการเสียหายของก้านสมอง ซึ่งควบคุมการทำงานสำคัญของร่างกายหลายอย่าง อาการที่พบบ่อยได้แก่ เวียนศีรษะ อัมพาตแขนขาและลำตัว หายใจลำบากโดยสมัครใจ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยเฉลี่ยแล้ว ภาวะนี้มักพบในผู้ชายและมีอายุระหว่าง 30-50 ปี

ทางการแพทย์ระบุว่า การวินิจฉัยโรคที่รวดเร็ว การดูแลประคับประคอง และการฟื้นฟูสมรรถภาพตั้งแต่ระยะเริ่มต้น มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายว่าบัคเคเลวไม่ได้รับในการดูแลเบื้องต้นของเขา

เหตุการณ์นี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเข้ารับการรักษา และความจำเป็นของการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่อาจรุนแรงและเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างถาวร

ที่มา https://timesofindia.indiatimes.com