“แตงโม” ผลไม้ที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยชื่นใจ แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหาร และช่วยเติมน้ำให้ร่างกาย ถือเป็นหนึ่งใน “ซอฟต์พาวเวอร์” ของประเทศไทย ต่างชาติส่วนใหญ่ล้วนชอบกิน “น้ำแตงโมปั่น” แทบทั้งนั้น
ประโยชน์ของแตงโม
เติมน้ำให้ร่างกายฉ่ำชื่น: แตงโมมีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงถึง 90% ช่วยชดเชยการสูญเสียน้ำจากการเสียเหงื่อในฤดูร้อนได้อย่างรวดเร็ว ดับกระหายคลายร้อนได้ทันใจ
แหล่งรวมสารอาหาร: อุดมด้วยวิตามิน C, วิตามิน B รวม, และโพแทสเซียม! วิตามิน C ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ส่วนโพแทสเซียมช่วยรักษาสมดุลการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ
คลายร้อน ดับพิษไข้: ช่วยขับไล่ความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการกระหายน้ำและหงุดหงิดจากความร้อนได้เป็นอย่างดี
ขับปัสสาวะ: แตงโมช่วยเพิ่มปริมาณปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขับน้ำและของเสียส่วนเกินออกมาได้
นอกจากนี้ ในตำราแพทย์แผนจีน แตงโมยังมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีฤทธิ์เย็น รสหวาน ช่วยบำรุงหัวใจ กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ

ทุกส่วนของแตงโมล้วนมีประโยชน์
เนื้อสีแดงสดใส: ช่วยล้างพิษร้อน บำรุงสารน้ำในร่างกาย ดับกระหาย คลายความกระวนกระวาย
เปลือกเขียวด้านนอก: ช่วยขับร้อน คลายร้อน ขับน้ำ ลดบวม บำรุงสารน้ำ ดับกระหาย
เมล็ดสีดำ: ช่วยบำรุงปอด ละลายเสมหะ บำรุงลำไส้ ระบายท้อง และบำรุงกำลัง
ระวัง! แม้มีประโยชน์ แต่กินมากไปไม่ดี
แตงโมมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่ก็ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียได้ดังนี้
เพิ่มภาระให้ม้ามและกระเพาะ: แตงโมมีฤทธิ์เย็น การกินมากเกินไปอาจทำลายหยางของม้ามและกระเพาะอาหารได้ ทำให้เด็กเล็กที่มีภาวะม้ามและกระเพาะเย็นง่ายเกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือเบื่ออาหาร
ระดับน้ำตาลพุ่ง: แตงโมมีน้ำตาลกลูโคสและฟรุกโตส ซึ่งมีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ค่อนข้างสูง ผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี หากกินมากเกินไป อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลเสียต่อการควบคุมโรค
เพิ่มภาระให้ไต: แม้แตงโมจะช่วยขับปัสสาวะและช่วยเรื่องการเผาผลาญในคนปกติ แต่สำหรับผู้ป่วยไตบกพร่อง การกินมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายได้รับน้ำและเกลือแร่ปริมาณมากในเวลาอันสั้น เพิ่มภาระการขับถ่ายของไต
เสี่ยงอ้วน: แม้แตงโมจะมีแคลอรีไม่สูงมากนัก (ประมาณ 30 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม) แต่หากกินในปริมาณมาก น้ำตาลที่สะสมอาจเปลี่ยนเป็นไขมันได้ และการกินในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน
แตงโมแช่เย็นดีไหม? (วิธีกินที่ถูกต้อง)
ประเด็นนี้ถกเถียงกันมานาน! แต่เรามีคำแนะนำสำหรับการกินแตงโมให้ได้ประโยชน์สูงสุด
กินแตงโมสดใหม่ ไม่ต้องแช่แข็ง: เมื่อผ่าแตงโมแล้ว ควรวางที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 2 ชั่วโมง และแช่เย็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง แนะนำให้หั่นแล้วกินทันที จะดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องแช่เย็นจัด!
เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรกินในช่วงสายๆ ประมาณ 10 โมงเช้า หรือช่วงบ่ายประมาณบ่าย 3 โมง หลีกเลี่ยงการกินก่อนหรือหลังอาหาร รวมถึงก่อนนอน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการย่อยอาหาร หรือเพิ่มภาระให้ไตในเวลากลางคืน
ข้อควรระวังสำหรับเด็ก: หากเด็กมีอาการเป็นหวัดจากลมเย็น ไอมีเสมหะ ท้องเสีย หรือกำลังกินยาจีนบำรุงร่างกาย ไม่ควรกินแตงโม เพราะอาจทำให้อาการเย็นกำเริบได้
ที่มาและภาพ : sohu, freepik