สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าผลการหารือระหว่างรัฐบาลกลางกับผู้ว่าการรัฐทั้ง 16 แห่ง นำไปสู่การเห็นชอบยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคม เพื่อบรรเทาความรุนแรงของวิกฤติโรคโควิด-19 ระลอกที่สี่ ในเยอรมนี โดยนับจากนี้จะพิจารณาอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหลัก หากเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 3 ต่อประชากร 100,000 คน สถานที่สาธารณะจะจำกัดการให้บริการเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และผู้ที่เพิ่งหายป่วยเท่านั้น


หากอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่แห่งใด มากกว่า 6 ต่อประชากร 100,000 คน นอกจากแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ หรือเอกสารยืนยันว่าเพิ่งหายป่วย ทุกคนต้องแสดงหลักฐานยืนยันผลตรวจเป็นลบด้วย


ขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติรับรองชุดมาตรการเพิ่มเติม เสนอโดยว่าที่พันธมิตรรัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งรวมถึงการบังคับตรวจคัดกรองรายวัน กับลูกจ้างในสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และผู้เข้าเยี่ยม ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้วหรือไม่ การทำงานจากที่บ้านให้มากขึ้น และการแสดงหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีนครบ เพิ่งหายป่วย หรือมีผลตรวจเป็นลบภายในเวลาที่กำหนด ก่อนใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ


ด้านคณะกรรมาธิการวัคซีนของเยอรมนี ขอให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบนานเกิน 6 เดือน ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์ ซึ่งจะเป็นวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ หลังก่อนหน้านั้นจำกัดเฉพาะกลุ่มเปราะบาง คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ประกอบอาชีพเสี่ยง ปัจจุบัน 67.8% ของประชากรในเยอรมนีได้รับวัคซีนครบแล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES