สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ว่านายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ ชาลเลนแบร์ก แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เรื่องการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 22 พ.ย.นี้ แต่อาจมีการขยายระยะเวลาเป็น 20 วัน “หากมีความจำเป็น” ถือเป็นประเทศที่สองในยุโรปตะวันตก ต่อจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง แต่ออสเตรียเป็นประเทศแรกในภูมิภาค ที่ “ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ”


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสัปดาห์เดียว หลังรัฐบาลออสเตรียบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ “กับผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนและยังฉีดวัคซีนไม่ครบ” ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์แทบไม่ดีขึ้น รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรียระบุสถิติผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 1,027,024 คน เพิ่มขึ้น 15,809 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ และเป็นวันที่สองต่อเนื่อง ที่ออสเตรียยืนยันผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 15,000 คน


ขณะที่สถิติผู้เสียชีวิตสะสมมีอย่างน้อย 11,951 ราย เพิ่มขึ้น 48 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 8,881 คน และยังมีผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ในระบบอีกอย่างน้อย 138,841 คน


ด้านอัตราอุบัติการณ์ของโรคในรอบ 7 วันล่าสุด เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,000 คน ต่อประชากร 100,000 คนแล้ว ซึ่งผู้นำออสเตรียกล่าวด้วยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ปีหน้า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ “มีผลผูกพันทางกฎหมาย” โดยจะมีการประกาศรายละเอียดอีกครั้ง ปัจจุบัน ประมาณ 2 ใน 3 ของประชากรในออสเตรียรับวัคซีนโควิด-19 ครบแล้ว แต่อยู่ในอันดับท้ายของกลุ่มยุโรปตะวันตก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES