เมื่อวันที่ 14 ก.ค. นายศุภชัย ลีเขาสูง นายอำเภอเมืองขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, ตำรวจ, กอ.รมน. เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรอง และทีมสอบสวนโรค จากสำนักงานสาธารณสุข อ.เมืองขอนแก่น, สำนักงานควบคุมโรคที่ 7 และเทศบาลนครขอนแก่น เข้าทำการตรวจคัดกรองและตรวจหาเชื้อกลุ่มแรงงานภายในไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่งใจกลางเมืองขอนแก่น หลังพบมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 28 คน ทำให้การตรวจคัดกรองไซต์งานตลอดทั้งวันในวันนี้จะต้องมีแรงงานและผู้ที่มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจคัดกรองจากทางเจ้าหน้าที่รวมกว่า 200 คน

นายศุภชัย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับการยืนยันว่ามีคนงานจากไซต์งานแห่งนี้ยืนยันติดเชื้อโควิด 28 คน ซึ่งมีทั้งแรงงานชาวไทย และแรงงานต่างชาติพักอาศัยอยู่ รวมกว่า 200 คน ทำให้การทำงานเชิงรุกในระดับพื้นที่จะต้องสั่งปิดแคมป์คนงานและไซต์งานก่อสร้างแห่งนี้ในเบื้องต้น พร้อมลงพื้นที่ตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อเพิ่ม เพื่อสกัดโรคและควบคุมโรครวมทั้งประสานงานร่วมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดในการปรับพื้นที่แคมป์คนงานจุดนี้ให้เป็นคอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น แห่งแรกของจังหวัด ขณะที่การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าแรงงานที่ยืนยันติดเชื้อนั้นพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระยะที่ไม่แสดงอาการ ทำให้ทีมแพทย์ต้องปรับแผนการทำงานทั้งในส่วนของการรักษาคือจะไม่เคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ แต่จะจัดทีมแพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ มาทำการประเมินอาการ และตรวจรักษาโรคทุกวัน

ขณะที่นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากจำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดรายใหม่ของจังหวัดวันนี้พบว่ามีมากถึง 83 ราย โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ประสงค์ที่จะเดินทางกลับมารักษาตัวที่ภูมิลำเนาดังนั้นระบบการสาธารณสุขของจังหวัดจึงจะต้องรับและส่งต่อผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อและควบคุมสถานการณ์ในด้านต่างๆ อย่างรัดกุม ขณะนี้ทางจังหวัดได้มีการอนุมัติจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมภายในศูนย์เกษตรและสหกรณ์ที่ ต.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น โดยคณะทำงานจะลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินด้านต่างๆ เพื่อเร่งจัดตั้งรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังคงมีการอนุมัติให้จัดตั้ง ฮอสพิเทล โดยได้รับความร่วมมือจากโรงแรมดีมา และโรงแรมลาวิลล่า ร่วมกับ รพ.ขอนแก่น และ โรงแรมโฆษะ ร่วมกับ รพ.ราชพฤกษ์ รวมไปถึงการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่แต่ละอำเภอ ไม่น้อยกว่าอำเภอละ 1 แห่ง และมีการจัดตั้งโลคอลควอรันทีน 150 แห่ง รองรับผู้ที่จะเข้ากักกันตัวได้ประมาณ 1,920 คน

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้พบว่า มีผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่มีอาการน้อยหรือไม่แสดงอกาการ ซึ่งทีมแพทย์ประเมินแล้วพบว่าสามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ โดยประเด็นนี้ได้มีการหารือตามระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยที่ผู้ป่วยสามารถรับการรักษาได้ 2 แบบ คือ ตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อมีอาการและแพทย์ที่โรงพยาบาลประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงต่ำ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มีโรคประจำตัว และบริเวณบ้านมีความเหมาะสม เช่น เป็นบ้านเดี่ยว อยู่คนเดียว มีห้องน้ำมีที่ซักผ้าแยกส่วนตัว และสามารถติดต่อกับทางโรงพยาบาลได้ตลอดเวลา กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่จะช่วยทำให้ภาระการที่จะต้องใช้เตียงโรงพยาบาลลดน้อยลง

“กระบวนการก็คือผู้ป่วยจะต้องถูกประเมินก่อนโดยแพทย์ที่โรงพยาบาล ว่ามีความปลอดภัยและเหมาะสมที่จะอยู่บ้านได้ โดยจะมีการให้เครื่องมือที่จะติดตามอาการไข้กับเครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดให้กลับบ้านไปด้วยรวมถึงเราต้องจัดหาอาหารและยารักษาโรคให้ผู้ป่วย ได้ตามความจำเป็นให้กลับไปกินที่บ้าน เพราะว่าคนไข้จะไม่สามารถออกไปซื้ออาหารนอกบ้านได้อีกทั้งต้องมีระบบการติดต่อ การติดตามดูแลโดยมีแพทย์ที่สามารถติดต่อได้วันละ 2 ครั้ง เพื่อติดตามดูอาการและหากประเมินแล้วพบว่าอาการผิดปกติก็จะถูกรับตัวมารักษาทันที” ผวจ.ขอนแก่น กล่าว.