สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ว่าประชาชนประมาณ 8,000 คน เดินขบวนไปตามท้องถนนในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการที่รัฐบาลกลับมาบังคับใช้มาตรการควบคุมทางสังคมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19

ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนไปตามท้องถนน ในกรุงบรัสเซลส์ เพื่อต่อต้านมาตรการควบคุมทางสังคมของรัฐบาล


แม้จำนวนมวลชนที่ร่วมการประท้วงครั้งนี้น้อยลงมาก เมื่อเทียบกับการชุมนุมครั้งใหญ่ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยประเมินไว้มากถึง 35,000 คน เฉพาะในกรุงบรัสเซลส์ แต่สถานการณ์ยังคงบานปลายเป็นการปะทะกันระหว่างตำรวจควบคุมฝูนและหน่วยปราบจลาจล กับผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งซึ่งพยายามเข้าสู่พื้นที่สำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป (อียู) โดยเจ้าหน้าที่ใช้ทั้งการฉีดน้ำแรงดันสูง ยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา เพื่อป้องกันไม่ให้มวลชนเข้าใกล้อาคารของอียู

ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งขว้างประทัดใส่ตำรวจ ซึ่งสกัดไม่ให้มีการเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานใหญ่ของอียู ในกรุงบรัสเซลส์


ด้านผู้ประท้วงตอบโต้ตำรวจ ด้วยการขว้างปาข้าวของ จุดประทัดแล้วขว้างใส่เจ้าหน้าที่ และการจุดไฟเผาทรัพย์สินสาธารณะ เบื้องต้นมีรายงานการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้ประมาณ 20 คน และมีผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บจากการปะทะอย่างน้อย 4 คน และตำรวจอีกอย่างน้อย 2 นาย

ผู้ประท้วงจุดไฟเผาสิ่งของ กลางถนนในกรุงบรัสเซลส์


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ เดอ ครู ผู้นำเบลเยียม มีคำสั่งซึ่งมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ให้มีการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ สำหรับผู้มีอายุ 10 ปีขึ้นไป ขณะที่เจ้าของสถานประกอบกิจการและผู้ให้บริการต้องตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนของลูกค้าทุกคน ก่อนการให้บริการ หากยังไม่ได้ฉีดหรือฉีดแล้วแต่ยังไม่ครบ ต้องแสดงผลตรวจยืนยันเป็นลบภายในเวลาที่กำหนด ผู้ที่เพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด-19 ให้แสดงหลักฐานด้วย.

เครดิตภาพ : AP, GETTY IMAGES