เมื่อวันที่ 15 ก.ค. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิดว่า “การคิดจะหวังผลยุติศึกจากมาตรการ semi-lockdown, rapid antigen test, home isolation/community isolation, และฉีดวัคซีนมุ่งเป้าในผู้สูงอายุนั้น เกรงว่าจะมีโอกาสผิดหวังครับ” จำเป็นต้องคำนึงถึงธรรมชาติของการระบาดทั้งในประเทศและทั่วโลก ทำความเข้าใจธรรมชาติของคนในสังคม และปัจจัยเชิงระบบอย่างครบถ้วน

ยังยืนยันว่าด้วยสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงยาวนานเช่นนี้ ยิ่งกระจายครบทุกจังหวัดติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ควรทำคือ
หนึ่ง ยุตินโยบายนำเข้านักท่องเที่ยว ชะลอการนำเงินกู้ไปฟื้นฟูเศรษฐกิจไปก่อน เพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
สอง Full national lockdown ตั้งเป้าไว้ 4 สัปดาห์ โดยเตรียมระบบสนับสนุน
สาม ขยายศักยภาพระบบตรวจแยงจมูก RT-PCR ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทำได้มาก และต่อเนื่อง เป้าที่พึงประสงค์คืออย่างน้อย 150,000-180,000 tests ต่อวันในระยะสั้น และ 2 ครั้งต่อคนต่อปีในระยะยาว
สี่ ทำทุกทางเพื่อนำเข้า mRNA vaccines มาใช้เป็นวัคซีนหลักให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่ใช่สำหรับปีหน้า แต่จำเป็นต้องทำตั้งแต่บัดนี้ครับ
ห้า ระหว่างนี้ให้พิจารณาปรับแผนวัคซีนต่อสู้ โดยใช้ Sinopharm สำหรับอายุ 18 ปีขึ้นไป และ Astra มาเสริมสำหรับอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป หากใช้ในอายุน้อยกว่านั้นอาจต้องระวังผลไม่พึงประสงค์ให้ดี ที่สำคัญคือฉีดให้ครบสมบูรณ์ ไม่เล่นแร่แปรธาตุ

“นี่คือ 5 เรื่องที่จะทำให้มีโอกาสยุติศึกการระบาดระลอกสามนี้ได้ และเป็นการปูทางสู่แผนการรับมือที่เข้มแข็งสำหรับอนาคต ด้วยรักและห่วงใย”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Thira Woratanarat