น.ส.กัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขับเคลื่อนนโยบายการตลาดนำการผลิต ซึ่งมุ่งเน้นให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้สมดุล ทั้งด้านปริมาณ ความต้องการสินค้า และมีความมั่นคงทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น  โดยในปี 2564 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ดำเนินโครงการนำร่องพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม 2 ล้านไร่ (ระยะที่ 1) ผ่านกลไกคณะทำงานจัดทำแนวทางการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตและการปลูกพืชที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ ซึ่งมี 4 หน่วยงานหลักในการร่วมกัน ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร ซึ่งมีหน้าที่ในการกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานในการส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรใช้ปัจจัยการผลิตและปลูกพืชที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

สำหรับโครงการนำร่องพัฒนาเกษตรแม่นยำ สู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม 2 ล้านไร่ เตรียมจะดำเนินการปี 2564–2566 โดยระยะแรก ดำเนินการร่วมกับ 7 บริษัท เกษตรกร 25,286 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 32 จังหวัด รวมพื้นที่ 298,111.36 ไร่ สินค้าเกษตร 5 ชนิด ได้แก่ ยางพารา โดยบริษัท ไทยอิสเทิร์น รับเบอร์ จำกัด ปาล์มน้ำมัน โดยบริษัท ทักษิณปาล์ม จำกัด อ้อยโรงงาน โดยโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย โรงงานน้ำตาลรวมผล และโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ข้าวโพดหวาน โดยบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) และ มะเขือเทศ โดยบริษัท ศรีเชียงใหม่อุตสาหกรรม จำกัด ทั้งนี้ มีเป้าหมายจะดำเนินการในพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีการขึ้นทะเบียนแปลงใหญ่กับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือเป็นเกษตรกรรายย่อยเครือข่ายของบริษัทผู้รับซื้อผลผลิตที่จะขึ้นทะเบียนรวมเป็นแปลงใหญ่ภายใต้โครงการ โดยอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากแหล่งรับซื้อ เพื่อลดต้นทุนการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น

สำหรับจังหวัดนครพนม มีกลุ่มแปลงใหญ่มะเขือเทศและกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชฤดูแล้ง เป็นจุดนำร่องในตามโครงการนำร่อง “พัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม 2 ล้านไร่” ที่จะการยกระดับขีดความสามารถในการบริหารจัดการของเกษตรแปลงใหญ่ ด้วยการเกษตรสมัยใหม่และแม่นยำ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการสินค้าเกษตรควบคู่ไปกับการตลาดของภาคอุตสาหกรรม ทำให้กลุ่มเกษตรกรมีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง มีการพัฒนาการผลิตที่มีคุณภาพ เชื่อมโยงตลาดและสามารถส่งผลผลิตเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง ส่งผลให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้น