สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ว่าคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) มีมติเมื่อวันพุธ รับรองเป็นกรณีฉุกเฉิน ชุดยาค็อกเทลแบบรับประทาน “แพกซ์โลวิด” พัฒนาและผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์ เพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 โดยให้ใช้กับผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปี และผู้สูงอายุที่มีน้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 40 กิโลกรัม ซึ่งติดเชื้อแล้ว และมีแนวโน้มป่วยหนัก ถือเป็นยารักษาโควิด-19 แบบรับประทานรายการแรก ซึ่งได้รับการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยเอฟดีเอ


ทั้งนี้ ผลการทดสอบทางคลินิกระบุว่า ประสิทธิภาพของยาในการป้องกันการป่วยหนัก จนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อยู่ที่ 89% ในกลุ่มผู้ป่วยเสี่ยงสูง 2,250 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยรับประทานยาดังกล่าว ที่ประกอบด้วยสูตรยาซึ่งไฟเซอร์คิดค้นเอง คู่กับยาริโทนาเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ได้รับความนิยมให้ใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น เพื่อรักษาอาการจากเชื้อไวรัสเอชไอวี ทุก 12 ชั่วโมง ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน นับตั้งแต่ติดเชื้อ


ส่วนประสิทธิภาพของยาแพกซ์โลวิด ในการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กกว่า เน้น “ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วไป” ร่วมกับกลุ่มเสี่ยงสูงซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้ว ปรากฏว่า ลดความเสี่ยงของการป่วยหนัก จนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ประมาณ 70%


ด้านไฟเซอร์ออกแถลงการณ์แสดงความยินดี และประกาศแผนเพิ่มการผลิตยาแพกซ์โลวิดจาก 80 ล้านชุด เป็น 120 ล้านชุด ในปี 2565 พร้อมทั้งยืนยันการเริ่มส่งมอบยาให้แก่รัฐบาลสหรัฐเป็นเจ้าแรก โดยทำเนียบขาวเผยว่า จะได้รับยาแพกซ์โลวิด 265,000 ชุด ภายในเดือน ม.ค.นี้ จนครบ 10 ล้านชุด ภายในช่วง 6 เดือนแรกตามสัญญาฉบับแรก ในราคาชุดละ 530 ดอลลาร์สหรัฐ (17,847.75 บาท).

เครดิตภาพ : AP