สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ว่านางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย แถลงเมื่อวันเสาร์ เรื่องการยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคม ในเมืองซิดนีย์และอีกสามเขตใกล้เคียง ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 30 ก.ค.นี้ "เป็นอย่างน้อย"  ว่านับจากนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ประชาชนในพื้นที่ล็อกดาวน์  "ต้องทำงานจากที่บ้านเท่านั้น" ยกเว้นประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับการให้บริการฉุกเฉินและจำเป็น
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเทศบาลนครซิดนีย์และรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้เผยแพร่แนวทางปฏิบัติสำหรับสถานประกิบการทุกประเภท ในการจัดระบบเวิร์กฟรอมโฮมแล้ว หากนายจ้างรายได้ยังคงให้พนักงานออกมาทำงานในสถานประกอบการโดยไม่มีเหตุผลอันควร อาจต้องระวางโทษปรับ 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ( ราว 242,685.90 บาท )
คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หลังสำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ รายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยืนยันในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด 117 คน แบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 คน และเป็นการติดเชื้อภายในชุมชน 111 คน เพิ่มสถิติผู้ติดเชื้อสะสมในรัฐใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียเป็นอย่างน้อย 6,644 คน ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกอย่างน้อย 75 คน และสถิติผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 59 ราย โดยมีการยืนยันผู้เสียชีวิต 1 รายในรอบวันล่าสุด.

เครดิตภาพ : REUTERS