เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ความคืบหน้ากรณีที่ ศรชล.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่แท่นขุดเจาะน้ำมันว่าตรวจพบเรือไร้สัญชาติลอยเข้ามาใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เรื่องดังกล่าว พลเรือโทสุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 กองทัพเรือ และผู้อำนวยการศูนย์ อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 ได้สั่งการให้ เรือเอกกฤศฎา ศรีปริยัติ ผู้บังคับการเรือตรวจการณ์ ต.113 เข้าทำการตรวจสอบพบเรือลำดังกล่าวเป็นเรือเหล็กชื่อ FIN SHUL YUEN 2 ได้ลอยอยู่กลางทะเลประมาณระยะทาง 100 ไมล์

จากการตรวจสอบพบว่าเรือมีลักษณะคล้ายเรือสินค้า ความยาวประมาณ 80 เมตร ไม่มีสินค้าในระวาง ไม่มีหมายเลขเรือ หมายเลขท้ายเรือถูกลบ และไม่มีการพักอาศัยของคนประจำเรือ ไม่มีสมอและโซ่สมอเรือ อุปกรณ์การเดินเรือใช้การไม่ได้ มีน้ำทะเลท่วมขังภายในระวางของเรือ นอกจากนี้น้ำทะเลยังเข้าท่วมภายในห้องเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า และบริเวณเครื่องจักรใหญ่ เรืออยู่ในลักษณะเอียงประมาณ 35 องศา

เมื่อตรวจสอบเรือปริศนาลำดังกล่าวไม่ปรากฎสัญชาติ และจากการตรวจสอบจากตัวอักษรที่ตัวเรือไม่พบในสารบบ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาวันที่ (8 ม.ค.) ทัพเรือภาค 2 และศรชล.ภาค 2 ได้ชักลากจูงเรือจากพิกัดที่พบเรือมุ่งหน้าปากน้ำตาปี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และเมื่อมาถึงบริเวณ พื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากฝั่ง 28 ไมล์ทะเล ซึ่งระหว่างที่กำลังลากเรือเข้าฝั่งสภาพทะเลมีคลื่นลมแรงทำให้เรือลำดังกล่าวมีน้ำเข้าตัวเรือมากทำให้เรือจมลงไปใต้ท้องทะเล ซึ่งบริเวณที่เรือจมมีระดับน้ำลึกประมาณ 28 เมตร ทัพเรือภาคที่ 2 กองทัพเรือ จึงได้จัดให้เรือหลวงตาปี และเรือจำนวนหนึ่งเฝ้าพิกัด และประสานกองทัพเรือ และเจ้าท่าจังหวัดนครศรีธรรมราช เฝ้าจุดที่เรือจม เพื่อให้เรือประมงระมัดระวังในการเดินเรือ

จากการที่เรือจมทำให้มีคราบน้ำมันบริเวณดังกล่าวแม้จะไม่มีปริมาณมากแต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้ดำเนินการกำจัดคราบน้ำมันคาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในระยะ 2-3 วันนี้ เพราะจากทิศทางลมและคลื่นอาจจะพัดพาคราบน้ำมันไปทางเกาะมัดสุ่ม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 30 ไมล์ทะเล จึงมีความจำเป็นต้องเร่งขจัดคราบน้ำมัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว และสภาพแวดล้อมโดยเร็วที่สุด

หลังที่เรือจม พลเรือโทสุนทร ค้าคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ได้ส่งเรือหลวงท้ายเหมืองพร้อมเจ้าหน้าที่ประดาน้ำชุดปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่ EOD รวม 10 นาย ออกไปเพื่อปฏิบัติการค้นหาเรือที่อยู่ใต้ทะเล พร้อมผูกทุ่นแสดงจุดที่เรือจมป้องกันผลกระทบต่อเส้นทางเดินเรือ