สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่าสื่อท้องถิ่นของคาซัคสถานรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยอ้างข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ว่าการใช้ “มาตรการขั้นเด็ดขาด” ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ในการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อจลาจลและสร้างความไม่สงบในประเทศ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 164 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็ก


ทั้งนี้ เมืองอัลมาตีซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของคาซัคสถาน มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดจากสถานการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ คืออย่างน้อย 103 ราย โดยสถานการณ์ประท้วงมีความรุนแรงที่สุด ระหว่างวันที่ 5-6 ม.ค.ที่ผ่านมา


ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของคาซัคสถานให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่ามีผู้ถูกจับกุมทั่วประเทศอย่างน้อย 5,135 คน และมีการประเมินความเสียหายเบื้องต้นกับทรัพย์สินสาธารณะ คิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 198 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 6,670.22 ล้านบาท ) จากการที่กลุ่มผู้ก่อการจลาจลทำลายอาคารพาณิชย์และธนาคารรวมมากกว่า 100 แห่ง และพาหนะมากกว่า 400 คัน

ตำรวจและทหารยังคงลาดตระเวนและตรวจสอบพาหนะต้องสงสัยอย่างเข้มงวด ที่กรุงนูร์สุลต่าน


เดิมทีสถานการณ์ประท้วงในคาซัคสถาน มีชนวนเหตุจากความไม่พอใจของประชาชน ในเรื่องราคาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการตรึงราคา แม้ภาครัฐกลับมาใช้มาตรการต่อ แต่สถานการณ์ประท้วงลุกลามขยายวงกว้าง และยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาล ประธานาธิบดีคาสซิม โจมาร์ต-โทคาเยฟ จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ และขอความสนับสนุนทางทหารจากองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม ( ซีเอสทีโอ ) ที่มีรัสเซียเป็นหัวเรือใหญ่


ต่อมา รัฐบาลคาซัคสถานประกาศการจับกุมนายคาริม มาสซิมอฟ อดีตประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ “ฐานต้องสงสัยเป็นกบฏ” และทำเนียบประธานาธิบดีคาซัคสถานเผยแพร่แถลงการณ์ฉุกเฉินเพิ่มอีกฉบับหนึ่ง ปลดนายมารัต โอซิปอฟ และนายดอเล็ต เออร์โกชิน ออกจากตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ โดยยังไม่มีการระบุสาเหตุ


ด้านโทคาเยฟยืนยันว่า สถานการณ์ในภาพรวม “กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้วแทบทั้งหมด” และกองกำลังของซีเอสทีโอ “จะไม่ปักหลักอยู่นาน” ส่วนนายนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ผู้นำคนแรกของคาซัคสถาน ซึ่ง “ถ่ายโอนอำนาจผ่านการเลือกตั้ง” ให้กับโทคาเยฟ เมื่อปี 2562 ขอให้ประชาชนสนับสนุนรัฐบาล โดยก่อนหน้านั้น นาซาร์บาเยฟลาออกจากตำแหน่งในกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES