สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ว่า องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน ( กาวี ) ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของโครงการโคแวกซ์ ร่วมกับองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) เผยแพร่แถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่เริ่มการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 เมื่อเดือน ก.พ. 2564 ปัจจุบันโคแวกซ์ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้แก่อย่างน้อย 144 ประเทศ รวมเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 ล้านโด๊ส


อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวถือว่าล่าช้าและน้อยกว่าเป้าหมายเดิมมาก เดิมทีโคแวกซ์กำหนดเป้าหมายส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ 2,000 ล้านโด๊ส ภายในสิ้นปีที่แล้ว โดย 1 ใน 3 ของวัคซีนเป็นการได้รับบริจาคจากกลุ่มประเทศร่ำรวย ซึ่งตั้งเงื่อนไขกับโคแวกซ์ ให้ส่งวัคซีนทั้งหมดให้กับประเทศที่ “เจ้าของวัคซีนเลือกเอง” และหลายประเทศไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของโคแวกซ์


แม้การส่งมอบวัคซีนมีความรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น แต่รายงานของดับเบิลยูเอชโอระบุว่า “ความเหลื่อมล้ำ” ยังคงมีอยู่ โดย 67% ของประชากรในกลุ่มประเทศร่ำรวยได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบแล้ว ตรงข้ามกับกลุ่มประเทศยากจนซึ่งจัดการฉีดวัคซีนครบให้แก่ประชากรเพียง 5% และมากกว่า 40% ของประชากรโลกยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก


ในอีกด้านหนึ่ง กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ( ยูนิเซฟ ) รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ากลุ่มประเทศยากจนปฏิเสธรับวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโด๊ส เฉพาะเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มประเทศในแอฟริกาได้รับผลกระทบมากที่สุด และให้เหตุผลไปในทางเดียวกันว่า เป็นเพราะวัคซีนที่ได้รับมานั้น ใกล้หมดอายุแล้ว


ขณะเดียวกัน การส่งและรับมอบวัคซีนของกลุ่มประเทศยากจนส่วนใหญ่ต้องล่าช้ากว่าปกติ เนื่องจากยังคงมีอุปสรรคสำคัญ คือการจัดเก็บวัคซีน และประชาชนในหลายประเทศยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนไม่เพียงพอ ความลังเลต่อการรับวัคซีนจึงยิ่งเพิ่มความตึงตัวให้กับระบบสาธารณสุข.

เครดิตภาพ : REUTERS