สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรป ( อีซีดีซี ) เผยแพร่รายงาน ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาดในยุโรป ด้วยอัตราที่สูงกว่าปกติ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยหนักจากโรคดังกล่าวในห้องไอซียูทั่วทั้งภูมิภาค สะสมอยู่ที่ 43 คน เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของปี 2564


แม้เป็นสถิติที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการอุบัติของโรคโควิด-19 ซึ่งจำนวนผู้ป่วยหนักจากไข้หวัดใหญ่ในยุโรปเคยสะสมรายสัปดาห์สูงกว่า 400 คน เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของปี 2561 แต่รายงานของอีซีดีซีสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ว่าตลอดเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยหนักจากไข้หวัดใหญ่ในยุโรปจนถึงขั้นต้องเข้าห้องไอซียู “เพียงคนเดียวเท่านั้น” จนกระทั่งเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อช่วงก่อนปีใหม่


แนวโน้มดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่าฤดูกาลแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ในยุโรปรอบนี้อาจล่วงเลยไปจนถึงช่วงฤดูร้อน ในขณะที่โลกยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 อีซีดีซีจึงเสนอแนะให้มีการคงมาตรการควบคุมทางสาธารณสุขไว้ก่อน เพื่อลดโอกาสของ “โรคระบาดคู่” ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความตึงตัวให้กับระบบสาธารณสุข


ขณะเดียวกัน อีซีดีซีเตือนด้วยว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในยุโรป ณ เวลานี้ คือ “ชนิดเอ เอช3” ซึ่งก่อให้เกิดอาการป่วยหนักได้ง่ายในกลุ่มผู้สูงอายุ และยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า จะส่งผลกระทบต่อวัคซีนที่ใช้อยู่หรือไม่ อย่างไรก็ดี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกแบบมีการปรับปรุงล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ก่อนถึงฤดูกาลของโรคในแต่ละปี


อนึ่ง ดับเบิลยูเอชโอเคยให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานจากอิสราเอล พบผู้ป่วยโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ในเวลาเดียวกัน ว่า “ไม่ใช่เรื่องแปลก” เพราะเชื้อโรคทั้งสองชนิดมีวิธีโจมตีร่างกายในรูปแบบแตกต่างกัน และเน้นว่า “มีความเป็นไปได้ต่ำมาก” ที่เชื้อไวรัสทั้งสองชนิดจะรวมตัวกัน แล้วกลายเป็นเชื้อไวรัสตัวใหม่ หรือก่อให้เกิดโรคชนิดใหม่.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES