ดร.นฤทัย วรสถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 (สวพ.3) จังหวัดขอนแก่น กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนเกษตรกรไม่สามารถปลูกพืชผักบางชนิดได้ เพราะมีปัญหาเรื่องโรคเน่าและแมลงศัตรูพืชระบาด ทีมนักวิจัย สวพ.3 จึงได้จัดทำโครงการวิจัยการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชในระบบโรงเรือนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องจากการปลูกผักในโรงเรือนจะทำให้เกษตรกรสามารถผลิตได้ทั้งปี ซึ่งดำเนินการวิจัยและทดสอบตั้งแต่ปี 2562 และเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา โดยได้ตั้งโจทย์ในการวิจัยไว้ว่า ต้องเป็นพืชผักที่มีมูลค่า ตลาดมีความต้องการสูง และเป็นพืชผักชนิดที่เกษตรกรในพื้นที่ปลูกอยู่แล้ว มีศัตรูพืชเข้าทำลายค่อนข้างมากทำให้ต้องใช้สารเคมีป้องกันกำจัดในปริมาณมาก 

ศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมขอนแก่น ได้ออกแบบปรับปรุงโรงเรือนให้เหมาะสมกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยมีนักวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรขอนแก่นและนักวิจัยของ สวพ.3 ร่วมกันศึกษาการให้ปุ๋ยกับระบบน้ำและสูตรปุ๋ยที่เหมาะสมให้ผลผลิตของพืช 9 ชนิด ก่อนจะนำผลที่ได้ไปทดสอบและปรับใช้ให้เหมาะสมในโรงเรือนต้นแบบที่ สวพ.3 ศวพ.ชัยภูมิ มุกดาหาร เลย และนครพนม โดยที่จังหวัดขอนแก่นศึกษาการให้ปุ๋ยไปกับระบบน้ำ การให้ปุ๋ยสูตรที่เหมาะสมในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตของพืชตั้งแต่ ต้นกล้า ช่วงออกดอกจนถึงช่วงให้ผลผลิต และทำการทดสอบปลูกคะน้าฮ่องกงและแตงกวาญี่ปุ่นในโรงเรือน  และอีก 4 จังหวัดที่นำเทคโนโลยีไปทดสอบเพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรเข้ามาเรียนรู้ ได้แก่ จังหวัดเลยปลูกมะเขือเทศ เชอร์รี่ และผักสลัดในโรงเรือน มุกดาหารปลูกกระหล่ำปลีและผักชีในโรงเรือน ชัยภูมิปลูกพริกจินดา พริกหยวก และพริกผลใหญ่ในโรงเรือน ส่วนจังหวัดนครพนมปลูกแตงโมไร้เมล็ดในโรงเรือน

การวิจัยการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพืชในระบบโรงเรือนปลูกคะน้าฮ่องกง ได้นำชีวภัณฑ์ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรมาใช้ป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช ได้แก่ โรคโคนเน่าจากเชื้อราใช้ชีวภัณฑ์ไตรโครเดอร์มาชนิดสด ผสมน้ำรดวัสดุปลูก หนอนกระทู้ผัก หากเริ่มพบหนอนวัย 1-2 ให้พ่นด้วยชีวภัณฑ์บีที อัตรา 200 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 5 วัน หากการระบาดรุนแรงหรือพบหนอนวัย 3-4 ให้พ่นด้วยไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงชนิดผง อัตรา 1 กระป๋องต่อน้ำ 20 ลิตร ร่วมกับการปล่อยมวนพิฆาต และใช้วิธีกล ส่วนเพลี้ยไฟ หากพบการระบาดให้พ่นด้วยนมสเตอริไลซ์รสจืด อัตรา 200 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมสารจับใบ พ่นให้ทั่วทั้งต้นจนต้นเปียก ทุก 5 วัน จนกว่าจะไม่พบการทำลาย  

การผลิตคะน้าฮ่องกงในโรงเรือนช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน อุณหภูมิในโรงเรือนค่อนข้างร้อน จึงเก็บผลผลิตได้เฉพาะส่วนยอด  ส่วนช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน สามารถเก็บผลผลิตได้ทั้งยอดและแขนง และมีต้นทุนค่าวัสดุปลูกลดลง เนื่องจากสามารถใช้วัสดุปลูกเดิมและเติมวัสดุปลูกใหม่เพียงบางส่วน ผลผลิตที่ได้จากการปลูก 2 ครั้ง จำนวน 220 กิโลกรัมต่อโรงเรือน โดยมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 14,676 บาทต่อโรงเรือน มีรายได้สุทธิเฉลี่ย 20,290 บาทต่อโรงเรือนต่อรอบการผลิต

ดังนั้นถ้ามีการปลูกคะน้าฮ่องกงในโรงเรือนขนาด 6 x 24 เมตร จำนวน 4 ครั้งต่อปี จะมีรายได้สุทธิประมาณ 81,160 บาทต่อโรงเรือน  ส่วนการผลิตแตงกวาญี่ปุ่นในโรงเรือนขนาด 6 X24 เมตร รูปแบบสองชั้น มีต้นทุนการผลิต 9,826 บาท โดยต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่เป็นระบบน้ำหยดและวัสดุปลูก ได้ผลผลิตจำนวน 401 กิโลกรัม มีรายได้รวม 17,866 บาทต่อรอบการผลิต เกษตรกรที่สนใจเทคโนโลยีการผลิตพืชปลอดภัยในระบบโรงเรือน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวพ.3 จ.ขอนแก่น โทรศัพท์ 0-4320-3500 ต่อ 292