สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่า สภาผู้แทนราษฎรของออสเตรียมีมติเสียงข้างมาก 137 เสียง ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผ่านกฎหมายว่าด้วยการที่ประชากรอายุตั้งแต่ 18 ปี ต้องรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครบตามเงื่อนไขของวัคซีนแต่ละชนิด โดยมีเสียงคัดค้าน 33 เสียงในที่ประชุม ซึ่งล้วนมาจากพรรคอิสรภาพ ( เอฟพีโอ ) พรรคการเมืองชาตินิยมขวาจัด


ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.นี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีข้อยกเว้นเฉพาะกับหญิงมีครรภ์ และผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพส่วนบุคคล โดยต้องมีหลักฐานยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ ว่าไม่สามารถรับวัคซีนได้ ส่วนนอกเหนือจากนี้ไม่ถือเป็นข้อยกเว้น ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับเป็นเงินสูงสุด 3,600 ยูโร ( ราว 134,835.60 บาท )


แม้กฎหมายยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภา และต้องผ่านการลงนามโดยประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ฟาน แดร์ เบลเลน เพื่อให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ แต่ทุกฝ่ายเชื่อว่า ไม่น่ามีอุปสรรคอีก และกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ทันตามกำหนดเวลา


ด้านนายกรัฐมนตรีคาร์ล เนฮัมเมอร์ กล่าวถึงกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ออสเตรียเป็นประเทศแรกในบรรดาสมาชิกสหภาพยุโรป ( อียู ) ที่สั่งให้ประชากรในประเทศต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่าวัคซีนคือ “โอกาส” ที่จะช่วยให้สังคมกลับคืนสู่สภาพปกติ


ขณะเดียวกัน ผู้นำออสเตรียกล่าวถึงการกำหนด “เขตปลอดภัย” รอบโรงพยาบาลและสถานีบริการด้านสาธารณสุขทุกแห่ง โดยจะมีตำรวจในเครื่องแบบประจำการ เพื่อรักษาความปลอดภัย ความสงบ และจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการฉีดวัคซีนด้วย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES