สัปดาห์นี้เรามาทำความรู้จัก กับ พืชประจำถิ่นของไทย ที่มีคุณสมบัติ ไม่แพ้ผักจากต่างประเทศ แถมเป็นยา และช่วยกันแมลง นำมาประกอบอาหารได้อีกด้วย

ต้นหูเสือ จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีอายุได้ประมาณ 2-3 ปี ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ กิ่งหักได้ง่าย ต้นอ่อนจะมีขนขึ้นอย่างหนาแน่น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ ขึ้นได้ในทุกสภาพดิน ชอบความชื้นมาก และแสงแดด ถือว่าปลูกเลี้ยงละดูแลง่ายเลยทีเดียวครับ

ใบหูเสือ มีรสเผ็ดร้อน นิยมใช้ใบเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยเจริญอาหาร ช่วยเพิ่มน้ำนม และน้ำมันหอมระเหยในใบ หากนำมาขยี้ดมจะช่วยแก้อาการหวัดคัดจมูกได้ หากนำมาทาภายนอกที่ท้องหรือกินจะช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อย ขับลม การเคี้ยวใบช่วยดับกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ ต้มน้ำดื่มแก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ยอดอ่อนและใบอ่อนใช้รับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก ลาบทุกชนิด ก้อย แจ่วป่น ซุปหน่อไม้ ซุปมะเขือ ใช้ใส่ในแกงต่าง ๆ ใช้รับประทานสดเป็นผักแกล้มกับอาหารอื่น ๆ ใช้กินกับหมาก จึงช่วยย่อยและดับกลิ่นคาวได้ดีมาก ยังสามารถปั่นเป็นเครื่องดื่ม ปั่นผสมสับปะรด น้ำผึ้ง ได้ด้วย

“ออริกาโน” (Oregano)  ที่ใช้โรยหน้าพิซซ่า ซึ่งเป็นพืชเครื่องเทศของประเทศแถบยุโรป เป็นพืชคนละชนิดกันกับต้นหูเสือ แต่อยู่ในวงศ์เดียวกัน เหมือนเป็นญาติกัน ต่างกันเพียง ออริกาโน มีต้นและใบที่ไม่อวบน้ำ และมีก้านใบสั้นกว่าต้นหูเสือ หากใครที่ชอบกลิ่นของออริกาโน ก็สามารถนำใบหูเสือมาตากให้แห้งสนิทในที่ร่ม แล้วบดให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็สามารถนำมาใช้แทนออริกาโนได้เลย

หูเสือ ยังนำมาปลูกไว้ กันแมลงในแปลงกุหลาบ ด้วยที่ต้นมีกลิ่นเฉพาะตัว ช่วยลดการรบกวนจากแมลงลงได้ เมื่อนำใบ มาขยี้ ให้น้ำที่ใบออก แล้วนำมาทาตัวก็สามารถกันยุงได้ดีเลยทีเดียว และยังมีงานวิจัยปัจจุบันพบว่า ใบหูเสือ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการอักเสบ ต้านมะเร็ง ได้รู้ประโยชน์ของ ต้นหูเสือ แบบนี้แล้ว น่าจะลองหามาปลูกติดบ้านไว้นะครับ

………………………………….
คอลัมน์ “มหัศจรรย์พรรณไม้”
เขียนโดย เอกลักษณ์ ถนัดสวน