นายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม และที่ปรึกษาสหกรณ์ประมงแม่กลองจำกัด กล่าวถึงกรณีน้ำมันดิบรั่วในทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 ว่า น้ำมันรั่วดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงคือระบบนิเวศชายฝั่งภาคตะวันออกโดยเฉพาะ จ.ระยอง คือแหล่งท่องเที่ยวและสัตว์น้ำที่อยู่ตามชายหาด ยังโชคดีที่บริเวณดังกล่าวไม่มีป่าชายเลน มิฉะนั้นจะทำลายระบบนิเวศทั้งหมด เรื่องนี้บริษัทเจ้าของน้ำมันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบเข้าไปแก้ไขชายหาดให้กลับมาสะอาดเหมือนเดิมโดยเร็ว มิฉะนั้นก็จะกระทบการท่องเที่ยวและการประมงแน่นอน สำหรับ จ.สมุทรสงครามอยู่ห่างไกลจากจุดน้ำมันรั่วและชาวประมงในจังหวัดทำประมงหลายพื้นที่ ปริมาณสัตว์น้ำยังคงมีตลอด ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ส่วนการบริโภคอาหารทะเลนั้นยืนยันว่ายังปลอดภัย เพราะสัตว์ทะเลจะไวต่อสิ่งแวดล้อมมาก เมื่อน้ำมันรั่วสัตว์น้ำเหล่านี้จะหนีเอาชีวิตรอดจากบริเวณที่เกิดเหตุ ออกไปในทะเลที่สะอาด แต่จะทำให้บริเวณน้ำมันรั่วคือชายฝั่งภาคตะวันออกโดยเฉพาะ จ.ระยอง สัตว์น้ำจะหายไป ชาวประมงในพื้นที่คงเดือดร้อนแน่นอน

นายมงคล กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับชาวประมงในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างน้อย 3 เดือน จึงขอให้ภาครัฐและบริษัทที่ทำน้ำมันรั่ว เร่งช่วยเหลือเยียวยาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบด้วย โดยเฉพาะประมงพื้นบ้านที่ออกหาปลาใกล้ฝั่ง และประมงพาณิชย์ที่ไม่ใหญ่มากจะกระทบเช่นกัน เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้ในอนาคตบริษัทน้ำมันต้องรับผิดชอบ ท่อต่างๆ ที่มีอายุการใช้งานนานแล้วต้องเปลี่ยนไม่ควรซ่อม เพราะเมื่อเกิดแตกรั่วจะได้รับความเสียหายในวงกว้างแบบนี้ ทำให้อาชีพการประมงและการท่องเที่ยวได้รับความเสียหาย จึงฝากรัฐบาล และหน่วยงานที่ควบคุมดูแลท่อส่งน้ำมันทั้งหลาย ต้องตรวจสอบอายุการใช้งานให้มีความปลอดภัยให้มากที่สุด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้หากเป็นต่างประเทศคงมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันแน่นอน