เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายสุรักษ์ สุขเสวี นักแต่งเพลงฝีมือดีคนหนึ่งในยุคอุตสาหกรรมเทป-ซีดีรุ่งเรือง แห่งค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่มีผลงานให้ศิลปินมาแล้วมากมาย เช่น อัสนี-วสันต์, นันทิดา, อินคา, มาช่า ฯลฯ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า #Deerlong ย้ายประเทศ

‘เดียร์ลอง’ ขอเริ่มชีวิตใหม่! ตัดสินใจย้ายประเทศ เปลี่ยนสัญชาติ-เปลี่ยนชื่อ

  • เมื่อหลายปีก่อน ผมบังเอิญมีโอกาสได้รู้จักและเห็นความสามารถอันน่าทึ่งของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตั้งแต่ยังเรียนอยู่มัธยมปลาย เธอคือน้องกวาง อาริศา หอมกรุ่น และเมื่อได้ยินเสียงและทักษะในการร้องเพลง ผมก็เลือกให้เธอเป็นคนร้องนำเพลง Corporate ให้ถึงสองเพลง เพลงหนึ่งเป็นงานในกิจกรรมหนึ่งของ สพฐ.กระทรวงศึกษาธิการ ชื่อเพลง #สุดยอดเด็กไทย https://www.youtube.com/watch?v=5T7kC_njoKc และอีกเพลงเป็นเพลงของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ชื่อเพลง #สัญญาสายใยบัวทอง https://www.youtube.com/watch?v=36faYJaMRus… เป็นเพลงร้องประสานเสียง ในแนวเพลงอำลาอาลัยของสถาบันฯ น้องกวางทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายตั้งแต่ยังเป็นเด็กได้อย่างน่าชื่นชม
  • หลังจากนั้นเธอก็เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจากการประกวดร้องเพลงในรายการ Thailand Got Talent ผมยังติดตามเธอไปดูละครเพลงที่เธอเล่นที่รัชดาลัย เรื่อง The Sound Of Music และหลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้ติดตามน้องกวางมากนัก รู้แต่ว่าน้องเป็นหนึ่งใน Content Creator ในโลกออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ มีเรื่องหนึ่งที่น้องกวางอาจจะไม่รู้ หรือลืม หรืออาจจะไม่ได้สนใจ คือผมแต่งเพลงไว้ให้น้องกวางเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง Touch Me Softly เพลงนี้ยังคงเป็นเพลงดิบๆ และจนบัดนี้ผมก็ยังไม่เห็นคนที่เหมาะสมที่จะให้ถ่ายทอดสิ่งที่ผมเขียนไว้ในเพลงนี้ ผมบอกเล่าเรื่องนี้ไว้ ตามสิ่งที่เป็นจริง ไม่ได้หวังว่าน้องจะได้ผ่านมาอ่านแล้วจะกลับมาร้องเพลงนี้ เพราะถึงนาทีนี้ ชีวิตน้องกวางไปไกลจนสุดกู่ คงต้องใช้คำนี้จริงๆ เมื่อมีข่าวว่าน้องจะย้ายประเทศ ไปเป็นพลเมืองของประเทศอื่น
  • การที่คนไทยคนหนึ่ง มีความคิดที่จะย้ายถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ และคงมีคนทำไปแล้วมากมาย แต่สำหรับในกรณีที่คิดจะย้ายเพราะเบื่อกฎหมาย เบื่อมาตรฐานทางจริยธรรมแบบไทยๆ หรือเบื่อประชาธิปไตยปลอมๆ ในประเทศนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวผมขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลานชายแท้ๆ ของผม ที่ใช้นามสกุล “สุขเสวี” คนหนึ่ง ก็กำลังจะย้ายไปอยู่แคนาดาอย่างถาวรพร้อมภรรยาในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ จึงมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้? แต่เป็นคำถามที่ผมไม่ต้องการคำตอบ เพราะรู้ดีว่าคนไทยถูกสะกดจิตให้คิดให้เชื่อและให้ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมที่เชิดชูความดีงามแบบปลอมๆ มาอย่างยาวนาน
  • ความดีงามดังกล่าวมีแต่ความย้อนแย้งในตัวเอง เช่นการทำบุญเป็นสิ่งที่ดี แต่ระบบปล่อยให้มีเหลือบมนุษย์เกาะเกี่ยวหากินกับเงินทองจากการกุศลในทุกกระบวนการ จะตรวจสอบก็คงทำได้ แต่ก็ไม่มีใครตรวจสอบ หรือข้าราชการ ที่ปฏิญาณตนจะทำหน้าที่โดยสุจริตเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แต่ความเป็นจริงตั้งแต่หัวแถวจนถึงหางแถว มีข้าราชการที่ดีอยู่เพียงน้อยนิด และพวกเขายากที่จะเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่ส่วนใหญ่เป็นอย่างไรเราทุกคนรู้กันดีอยู่ ผมไม่ได้พูดเองเพราะผลการสำรวจดัชนีคอรัปชั่นทุกสำนักบอกตรงกันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทยเป็นแบบนี้ สรุปว่าเราคนไทยอยู่กันมาแบบนี้ เราทั้งเคยชินและชินชากับ “ไทยวิถี” ที่เอ่ยอ้างความดีเพื่อให้ตนเองดูดี ผมเองสามารถปรับทั้งตัวปรับทั้งใจพร้อมอยู่ในประเทศนี้ได้จนวันตาย แต่ไม่เคยสิ้นหวังว่าวันหนึ่งประเทศนี้จะก้าวออกมาพ้นออกมาจากคุณธรรมความดีงามจอมปลอม เป็นเรื่องน่าขันปนเศร้าสลดใจ ทุกครั้งที่ “คนดี” โป๊ะแตกออกมาไม่เว้นแต่ละวัน จะไปคาดหวังอะไรได้ เพราะแม้แต่ผู้นำ…ก็หน้าด้าน
  • ลุงสุรักษ์อยากจะบอกน้องกวางว่า ถ้าตัดสินใจจะไปอยู่ที่อื่น ก็ไม่เป็นไร กวางอาจจะรู้สึกดีและมีความสุขกว่าอยู่ประเทศนี้ก็ได้ ลุงสุรักษ์เบื่อคนที่ชอบคิดว่าอะไรที่เป็นไทยๆ ดีที่สุด อยู่ประเทศนี้ดีที่สุด เพราะมันไม่จริง พิสูจน์ได้จากนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวบ้านเราปีละเป็นร้อยล้านคน มาแล้วพวกเขาก็กลับไปอยู่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของเขาตามเดิม ไม่มีใครคิดที่จะย้ายมาอยู่ประเทศไทยที่ดีที่สุดแบบที่เรามโนกันไปเอง ความสุขของคนคนหนึ่ง มันควบรวมไว้หลายมิติ ทั้งสภาพแวดล้อม อาหารการกิน ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน กฎหมาย วิธีที่ผู้คนในสังคมปฏิบัติต่อกัน สมดุลของรายรับรายจ่าย ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ฯลฯ ทุกอย่างล้วนมีผลต่อความรู้สึกว่า “อยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น ดีกว่า” ทั้งสิ้น ลุงสุรักษ์เชื่อด้วยซ้ำไปว่าน้องกวางจะปรับตัวอยู่ที่อื่นได้อย่างดี อาหารไทยอร่อยๆ มีอยู่ทุกที่ หรือสั่งซื้อจากเมืองไทยได้ ที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกวางคือ ถ้าอยากจะกลับมาเมื่อไหร่ก็มา ไม่ต้องไปสนไปแคร์ว่าเคยพูดไปว่าไปแล้วจะไม่กลับมา เพราะประเทศนี้ยอมรับคนตระบัดสัตย์ในเรื่องสำคัญๆ ได้หน้าตาเฉย มีไม่กี่คนที่ทำเรื่องผิดพลาดแล้วสำนึกผิดคิดแก้ไข ส่วนใหญ่จะนิ่งเฉย ทำเป็นไม่สนใจ นอกจะไม่เอ่ยคำขอโทษแล้ว ยังพยายามกอบเกี่ยวเศษเสี้ยวของความดีจากคนเลวๆเหล่านั้น เอามาให้อาหารต่อชีวิตอุดมการณ์ที่ผิดพลาดของตัวเองเพื่อที่จะได้รู้สึกผิดน้อยลง เป็นเรื่องแปลกแต่มีอยู่จริงและสนุกดี
  • ดังนั้นเรื่องของกวางจึงเป็นเรื่องที่เล็กมากๆ เมื่อเคยพูดว่าจะไม่กลับ..ก็กลับมาได้ เพราะจะไม่มีใครสนใจเกินวันสองวันหรอก และถ้ากลับมาแล้วอยากจะไปอีกก็ค่อยไป ไม่มีใครไร้แผ่นดินอยู่ มันเป็นแค่วาทกรรมจอมปลอมเพื่อความสะใจของคนพูด ลุงสุรักษ์เชื่อว่าอีกไม่นาน ประเทศนี้จะดีขึ้น อะไรที่มันคุกคามเราบนความดีงามแบบปลอมๆมันจะค่อยๆแพ้ภัยตัวเองไป ลุงสุรักษ์ชื่นชมในหลายๆสิ่งที่กวางทำ และเฉยๆกับเรื่องที่กวางทำแล้วมีคนไม่ชอบ ที่เฉยๆเพราะกวางไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ฉ้อฉลคดโกงใคร และทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ชีวิตเป็นของกวาง กวางจึงมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักจนถึงวันนี้ ลุงสุรักษ์ไม่เคยเปลี่ยนความรู้สึกดีดีที่มีต่อกวาง กวางเป็นคนตรงๆ ไม่ดัดจริต ไม่ทนความอึดอัด ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกและความคิดตัวเอง เป็นคนที่มีเลือดเนื้อแบบมนุษย์แท้ๆ อยู่ทุกกระเบียดนิ้ว สังคมโลกที่กำลังมาถึงจะชอบและเปิดกว้างให้คนแบบกวาง เดี๋ยวอะไรๆ ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง คิดถึงประเทศบ้านเกิดก็กลับมานะ เรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของผืนแผ่นดิน แต่อยู่ที่สายลมแห่งความงี่เง่าได้พัดพาคนแย่ๆ ให้เข้ามาปกครองประเทศนี้ในเวลานี้เท่านั้นเอง แล้วมันก็จะพัดผ่านไป อีกแค่ไม่นาน!