เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่สภ.เมืองนนทบุรี นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ เจ้าของเรือสปีดโบ๊ต ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจากเดินทางให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ก่อนเกิดเหตุเรานัดเจอกัน แล้วไปทานข้าวที่ร้านอาหารชื่อว่า บ้านตานิด จากนั้นจึงได้ขับเรือมาถ่ายรูปที่สะพานพระราม 8 เนื่องจากทางโมและคุณกระติกชอบถ่ายรูป และบอกว่าตรงนี้สวย แต่ตอนเกิดเหตุไม่เห็นว่าโมนั่งข้างหลัง ส่วนตัวผมนั้นนั่งอยู่ที่หัวเรือ

นายตนุภัทร เล่าต่อว่า จากที่ได้ฟังคุณแซนมา เล่าว่า คุณโมจับขาคุณแซนไว้ เพราะคุณแซนนั่งอยู่ที่ท้ายเรือ จากนั้นคุณโมก็ปัสสาวะ หลังที่ลุกขึ้นมา แต่เหมือนจังหวะมีคลื่นซัดมา คุณโมจึงเกิดเสียหลักแล้วตกเรือ ระหว่างนั้นคุณโมก็พยายามจับที่ข้างเรือ แต่ก็พลัดตกลงไป ต่อมาคุณแซนก็ได้ตะโกนว่าคุณโมตกนํ้า โดยคนที่นั่งติดกับคุณโมอีกคน ก็ตะโกนว่าพี่หยุดเรือ คุณโม ตกนํ้า ทางเราก็วนกลับไปหาคุณโม แต่สิ่งที่เราพบนั้น คือ เราไม่เห็นคุณโม เราวนอยู่ตรงนั้นหลายชั่วโมง พยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ จังหวะที่ตกลงไปในนํ้าก็ไม่ได้ยินเสียงร้องคุณโมเลย เนื่องจากมีเสียงเครื่องยนต์ที่ท้ายเรือ นอกจากนี้ในเรือยังมีลำโพงใหญ่ 4 ตัว เราเปิดเพลงอยู่ ทำให้ยากมากที่จะได้ยิน และเรือขับอยู่ด้วยความเร็วที่น้อยมาก

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าขณะเกิดเหตุได้มีการโยนชูชีพลงไปในนํ้าหรือไม่ นายตนุภัทร ตอบว่า ซึ่งเรือเรามีชูชีพ แต่เราไม่เห็นคุณโม โดยตอนนั้นยอมรับว่าทุกคนไม่ได้ใส่ชูชีพ และก็ไม่ได้ใส่รองเท้า โดยตอนที่ตกคนที่เห็นคือคุณแซน อยากให้สัมภาษณ์ทางคุณแซนมากกว่า ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเราทุกคนบนเรือรู้สึกช็อก ว่าเป็นเรื่องจริงหรอ แล้วเราก็วนหาทันทีประมาณ 20 นาที โดยผู้ชาย 2 คน อยู่ที่หัวเรือแล้วช่วยกันเอาไฟส่อง และตอนนั้นคุณกระติก ก็พยายามโทรศัพท์หาคุณโม ก่อนที่จะมีการแจ้ง 191 กับแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยตนเองนั้นได้รู้จักท่าเรือแห่งหนึ่งที่อยู่ในละแวกนั้น ก็ยังโทรบอกให้เอาเรืออกมาช่วยด้วยอีกแรง

นายตนุภัทร เล่าต่อว่า ส่วนเรื่องที่คุณโม มีอาการเมาหรือไม่นั้น ผมรับรองว่าไม่ได้เมา แต่ยอมรับว่ามีการดื่มไวน์กันนิดหน่อย แต่ละคนดื่มมากดื่มน้อยไม่เท่ากัน แต่ไม่ได้เยอะ ซึ่งดื่มมาจากที่ร้านอาหารแล้ว

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ทำไมขณะเกิดถึงเลี่ยงให้การกับเจ้าหน้าที่ แล้วทำไม่มีใครยอมอยู่รอเจ้าหน้าที่ นายตนุภัทร ตอบว่า ซึ่งตนยืนยันว่าทุกอยู่บนเรือหมด ตอนเกิดเหตุพยายามบอกคนที่อยู่ฝั่งทุกคนให้ช่วยตามหา วนหาเป็นชั่วโมง ส่วนคุณโมตกลงไปจุดไหนนั้น ผมพร้อมจะพาไปชี้จุด เพราะตอนที่ตกคุณแซนก็เป็นคนเห็น ซึ่งตอนที่คุณโมปัสสาวะก็ไม่ได้บอกใคร เพราะตอนนั้นผมไม่ได้เป็นคนขับ รุ่นพี่ที่มาด้วยกันเป็นคนขับ ตอนนั้นก็ไม่ได้ขับเร็ว ดูได้จากการเดินทางจากปทุมธานีมาถึงสะพานพระราม 8 ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ส่วนไวน์ที่หกท้ายเรือก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากอยู่ในนํ้าก็อาจจะมีการกระแทกจากไวน์ที่เหลืออยู่บ้าง

‘พี่ชายแตงโม’ วอนเพื่อนพูดความจริง ไม่เชื่อน้องสาวปัสสาวะท้ายเรือ

‘แต๊งค์’ โพสต์ทิ้งปริศนา ชาย 2 คน บนเรือเป็นใคร? ทำไมอยากปิดข่าว

นายตนุภัทร เล่าต่ออีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องห้องนํ้าในเรือนั้น เรือเรามีห้องนํ้า แต่มีของอยู่ในนั้น ต้องย้ายของออก ถึงจะปัสสาวะได้ โดยปกติคนที่ใช้เรือประเภทนี้เค้าจะไม่ใช้ห้องนํ้ากัน เนื่องจากเป็นการเดินทางระยะใกล้ ซึ่งก่อนลงเรือทุกคนก็จะเข้าห้องนํ้าเรียบร้อย มีเพียงคุณโม ที่ไม่ใช้เข้าห้องนํ้า

นายตนุภัทร เล่าต่อไปอีกว่า ส่วนเรื่องที่ไม่มีใครโทรไปบอก เพราะว่าเพื่อนบางคนในกลุ่มยังช็อก ตอนนี้อยากได้คำยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น และไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุ และยืนยันว่าไม่ได้หนี ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขี้น และตนยังไม่รู้ว่าจะเข้าแจ้งความไว้ที่ไหน ตนเสียใจมากจริงๆ และวันนี้ตนเองก็ได้เดินทางมาตรวจหาสารเสพติดในร่างกายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

นายตนุภัทร เล่าเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าปรึกษากับทนายตั้มนั้น ต้องเรียนว่าผมไม่รู้จักกับทนายตั้มเป็นการส่วนตัว แต่มีเพื่อนที่รู้จักกันบอกว่า ทนายตั้ม เป็นผู้ที่มีประการณ์และมีชื่อเสียง จึงไปปรึกษาเท่านั้น คนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกกลัว ส่วนเรื่องใบขับขี่เรือ หรือ ใบอนุญาตนั้น ซึ่งปกติเรือเราไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็พึ่งมาทราบว่ามีการหมดอายุ

“อยากจะบอกว่าเราเสียใจ รู้สึกแย่มากในชีวิต เพราะพึ่งจะไปกินข้าวด้วยกัน ยืนยันว่าไม่คิดจะหนีหรือหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด ขอความเห็นใจ เนื่องจากสูญเสียเพื่อนไป ตนขอบารมีสิ่งศักสิทธิ์ ให้เกิดปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ให้หาเพื่อนเจอ ขอให้ทุกคนเห็นใจว่าเราไม่มีเจตนาให้สิ่งนี้เกิดขึ้น” นายตนุภัทร กล่าวยกมือไหว้ทั้งนํ้าตา