เมื่อวันที่ 8 มี.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.เกียรติกุล สนธิเณร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.กก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง โดย พ.ต.ท.เสกสรรค์ ชุ่มแจ่ม รอง ผกก.สส.สน.พระราชวัง พ.ต.ท.นิรุติ พุทธิมา สว.สอบสวน สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 ร่วมกันจับกุมนายยามาชิตะ โซริ อายุ 32 ปี สัญชาติญี่ปุ่น พร้อมของกลาง ทองคำแท่ง หนัก 20 บาท 2 แท่ง ทองคำแท่ง หนัก 10 บาท 2 แท่ง และทองคำแท่ง หนัก 5 บาท 1 แท่ง รวมทองคำแท่ง 5 แท่ง หนักรวม 65 บาท รวมมูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท เอกสารใบรับรองทองคำ และเสื้อผ้า กางเกง รองเท้าสวมใสวันก่อเหตุ โดยสามารถจับได้ที่บริเวณทางเท้าถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา นางกมลฐาณ์ พิจารณา อายุ 65 ปี ผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ว่า เมื่อเวลา 13.51 น. ของวันที่ 7 มี.ค. ผู้เสียหาย พร้อมด้วยล่ามชาวไทย นำทองคำแท่ง หนักรวม 65 บาท นัดพบนายยามาชิตะ โซริ ร่วมทำธุรกิจซื้อขายด้วยกัน ที่ร้านเพชรสวย ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ห้างดิโอสยาม ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร เพื่อว่าจ้างให้ร้านเพชรสวย ตรวจสอบและออกใบรับรองทองคำให้ตามเอกสารใบรับรองทองคำ 3 ใบ เมื่อตรวจสอบทองคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายยามาชิตะ โซริ ได้ลักเอาทองคำทั้งหมด พร้อมใบรับรองทองคำแท้ 3 ใบ วิ่งออกจากห้าง ดิโอสยามหลบหนีไป

ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 และตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ร่วมกันสืบสวนติดตามคนร้ายพบผู้ต้องหาเดินอยู่ที่บริเวณทางเท้าถนนศิริพงษ์ มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่สอบถามชื่อและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง เป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาจริง และมีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ ก่อนควบคุมมาที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง และตรวจค้นพบ เอกสารใบรับรองทองคำแท้ ออกโดยร้านห้างทองทองสวย 3 ใบ อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีดำใบที่ผู้ต้องหาคาดติดตัวอยู่

การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาโดยตลอดและมีหลักฐานตามสมควรว่ากระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี และมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 66 (2) และมาตรา 78(3)

จากนั้นเจ้าหน้าที่พร้อมล่ามชาวไทยสอบถามถึงทองคำที่ผู้ต้องหาวิ่งราวไป ผู้ต้องหาให้การว่า นำไปซ่อนไว้ที่ ห้องพักเลขที่ 182 ชั้น 7 อาคาร The Reserve ซอยสุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา และยินยอมพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นห้องพัก พบทองคำแท่งน้ำทั้งหมดที่บริเวณลิ้นชักหัวเตียง และเสื้อผ้าสวมใส่วันเกิดเหตุ พบกางเกง บริเวณเตียงนอน เสื้อในตะกร้าผ้า และรองเท้าบริเวณประตูทางเข้า

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลักทองคำมาจริงอ้างว่าผู้เสียหายทำธุรกิจร่วมกันค้าขายทองคำ ไปซื้อทองรูปพรรณ ที่ สปป.ลาว ก่อนนำเข้าเมืองไทยหลอมเป็นทองคำแท่งและขายในประเทศไทย ที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับส่วนแบ่ง และเงินลงทุนคืน ทำให้โกรธแค้น โดยทองคำแท่งทั้งหมดครั้งนี้เป็นของนางกมลฐาณ์ ให้มาพบอ้างว่าจะให้ส่วนแบ่ง เมื่อนางกมลฐาณ์ไม่ระวังตัว จึงก่อเหตุขึ้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะทำเป็นขบวนการ เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามีประวัติเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าที่ประเทศญี่ปุ่น มีลูกพี่เป็นระดับหัวหน้าแก๊งยากูซ่าติดคุกอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ต้องหาเดินทางเข้าออกประเทศไทยเกือบ 3 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.