สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ว่า กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าเป็นผู้ยิงขีปนาวุธโจมตี “ศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์และเพื่อการวางแผนของขบวนการไซออนิสต์” ในเมืองเออร์บิล ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ในภาคเหนือของอิรัก เมื่อวันเสาร์ “เพื่อตอบสนองต่อการก่ออาชญากรรมโดยรัฐไซออนิสต์”


ด้านอิสราเอลและสหรัฐยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการต่อรายงานดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเฉพาะจุดในซีเรีย ซึ่งรัฐบาลดามัสกัสยืนยันว่า เป็นฝีมือของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไออาร์จีซีเสียชีวิตอย่างน้อย 2 นาย


ทั้งนี้ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของรัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า จรวดทั้งหมดมีต้นทางมาจากอิหร่าน พุ่งเป้าโจมตีสถานกงสุลใหญ่สหรัฐประจำเมืองเออร์บิล และพื้นที่ใกล้เคียง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน


ขณะที่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของอิหร่าน รายงานว่า “อิหร่านตัดสินใจระงับการเจรจารอบที่ 5 กับซาอุดีอาระเบีย” เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตที่ยุติไปตั้งแต่ปี 2559 โดยไม่มีการระบุเหตุผล และไม่มีการบอกด้วยว่า การเจรจาครั้งดังกล่าวมีกำหนดเมื่อใด และจะมีการพบหารือรอบต่อไปหรือไม่ และเมื่อใด


อย่างไรก็ตาม นายฟาอุด ฮุสเซ็น รมว.ต่างประเทศของอิรัก ประเทศซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมตลอด 4 ครั้งที่ผ่านมา กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงว่า การพบหารือครั้งต่อไป ระหว่างผู้แทนของซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 16 มี.ค.นี้


อนึ่ง ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านยุติความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อปี 2559 จากกรณีรัฐบาลริยาดประหารชีวิต “ชีค นิมร์ อัล-นิมร์” นักการศาสนาชาวชีอะห์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในพื้นที่ทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย หลังจากนั้น เกิดเหตุบุกเผาทำลายสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำกรุงเตหะราน แต่กลับมาเจรจากันอีกครั้ง ตั้งแต่เดือน เม.ย. ปีที่แล้ว โดยมีอิรักเป็นคนกลาง และหารือกันในหลายเรื่อง ตั้งแต่สงครามในเยเมน ไปจนถึงตลาดน้ำมัน และโครงการนิวเคลียร์.

เครดิตภาพ : REUTERS