เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า มีคนตั้งคำถามถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในช่วงไม่กี่วันมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงพื้นที่และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ แม้จะระบุว่าไม่ได้เชียร์ใคร แต่คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินได้อ่าน ต่างตีความว่า หมายถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ฉะนั้นถ้าจะหาเสียง ขอให้ลองถามว่าของเดิมที่ทำมาแล้วมีอะไรบ้าง เขารู้หรือไม่ และจะทำอะไรต่อตรงนั้น หรือจะทำอะไรใหม่ และคำว่า “จะทำอะไรต่อ” สอดรับกับสโลแกนของ พล.ต.อ.อัศวิน ที่ว่า “กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ” อย่างบังเอิญใช่หรือไม่

ต่อมา ช่วงเย็นวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ควงแขน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง รับฟังปัญหาจากประชาชน โดยเป็นภารกิจที่ไม่ได้อยู่ในกำหนดการอีกครั้ง ทั้งนี้การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้คงไม่แปลกอะไร แต่ถ้าการเลือกลงพื้นที่คลองโอ่งอ่างในช่วงนี้ และวันเดียวกับที่มีการรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.วันแรก ยิ่งทำให้คนปักใจเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังช่วย พล.ต.อ.อัศวิน หาเสียงทางอ้อม แม้ไม่ได้มีประโยคไหนสื่อถึงก็ตาม เพราะการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง จนได้รับรางวัลต้นแบบในการปรับปรุงภูมิทัศน์ในเขตเมืองของเอเชียประจำปี 2020 จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63 ซึ่งเป็นสิ่งที่ พล.ต.อ.อัศวิน ใช้เป็นผลงานมาตลอดและนำมาหาเสียงในครั้งนี้ด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตั้งแต่วันแรกที่รับสมัครผู้ว่าฯ กทม. จึงสร้างความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าจะจัดการเลือกตั้งได้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงหรือไม่ และจะใช้กลไกฝ่ายอำนาจมาเอื้อให้กับผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษหรือไม่ ในเมื่อผู้นำยังทำตัวสองแง่สองง่าม ลับๆ ล่อๆ

นายพนิต ระบุด้วยว่า การที่ผู้มีอำนาจไม่ได้วางตัวเป็นอิสระตามหน้าที่ของตัวเอง ย่อมสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้กับผู้สมัครคนอื่นๆ การกระทำแบบนี้ มันไม่เพียงทำลายบรรยากาศการเลือกตั้งที่คนกรุงเทพฯ รอมา 9 ปี หรือเป็นการตัดสิทธิคนกรุงให้ได้รับสิ่งดีๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้รู้สึกว่ามีใครพยายามรักษาอำนาจของตัวเองไว้ โดยทำทุกอย่างให้คนจากฝ่ายตัวเองชนะ และเมื่อทำกันแบบนี้ จะยิ่งตอกลิ่มให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ แบ่งเป็น 2 ฝ่าย และเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วย แม้ พล.ต.อ.อัศวิน จะสลัดภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นผู้แต่งตั้งให้ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.มา 5 ปีเศษ ด้วยการลงแข่งในนามอิสระ แต่ตนไม่แน่ใจว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำแบบนี้จะช่วยกระตุ้นคะแนนให้กับ พล.ต.อ.อัศวิน ได้จริงหรือไม่ อาจเป็นดาบสองคม ทำลายคะแนนของ พล.ต.อ.อัศวิน เพราะคนกรุงเทพฯ ไม่ชอบอะไรที่มันไม่แฟร์ ระวังคนจะไม่เอา พล.ต.อ.อัศวิน เพราะกลัวจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีภาพของการสืบทอดอำนาจ