เมื่อเวลา 17.36 น. วันที่ 3 เม.ย. 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะข้าราชการ และประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จ

ครั้นเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง พร้อมทั้งขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเปิดโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย ขณะนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้น ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานของที่ระลึกและโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ แล้วเสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปทอดพระเนตรนิทรรศการ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง ทอดพระเนตรแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ คอกปศุสัตว์ และ “บ้านน้ำดื่ม” ซึ่งใช้น้ำจากน้ำบาดาลในพื้นที่บ้านปากชัดหนองบัว หมู่ 2 ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ ในการผลิตเป็นน้ำแร่ โดยค้นพบว่าเป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่มีอายุกว่า 7,530 ปี สะอาด ไม่พบจุลินทรีย์และสารปนเปื้อน มีคุณภาพเหมาะสมที่จะบริโภคได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นน้ำในการบริโภค โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ดำเนินการผลิตน้ำดื่มได้กว่า 2 พันล้านลิตรต่อปี ให้บริการแก่ประชาชนฟรีแล้วใน 512 แห่งทั่วประเทศ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 3 ล้านคน 

 

จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ซึ่งเป็นราษฎรในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ต่างพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” และโบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. และธงพระนามาภิไธย ส.ท. ด้วยความจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวล ราษฎรต่างปลื้มปีติที่ได้ชื่นชมพระบารมี ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ออกให้บริการด้านสาธารณสุข มอบพิมเสนน้ำและผ้าเย็นพระราชทาน แก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จด้วย รวมทั้งมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด สมควรแก่เวลา เสด็จฯ ไปยังรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวลานตากพืชผลทางการเกษตร ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวพระลานพระราชวังดุสิต

ความเป็นมาของ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสานพระราชปณิธานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรทุกหมู่เหล่า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง” ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็น “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จำนวน 15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด

พื้นที่ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เป็น 1 ใน 5 อำเภอของ จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “อีสานภาคกลาง” ได้แก่ อำเภอเลาขวัญ ห้วยกระเจา หนองปรือ บ่อพลอย และพนมทวน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณเขตเงาฝน ทำให้มีปริมาณฝนตกในพื้นที่ประมาณ 800 ถึง 1,000 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งเฉลี่ยต่ำกว่าพื้นที่โดยทั่วไป ในขณะที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ที่ 1,467 มิลลิเมตรต่อปี

โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่บ้านปากชัดหนองบัว หมู่ที่ 2 ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ “ต้นแบบ” ในการพัฒนาพื้นที่แห้งแล้งโดยใช้น้ำบาดาลเป็นหลัก ลักษณะโครงการประกอบด้วย บ่อน้ำบาดาล จำนวน 8 บ่อ ความลึกเฉลี่ย 200 เมตร ถังเหล็กเก็บน้ำความจุ 2,000 ลูกบาศก์เมตร ความสูง 9 เมตร จำนวน 2 ถัง และหอถังเหล็กเก็บน้ำชนิดรักษาแรงดันความจุ 300 ลูกบาศก์เมตร ความสูง 30 เมตร จำนวน 2 ถัง ก่อสร้างระบบกระจายน้ำรวม 23.3 กิโลเมตร ประชาชนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 11, 600 ครัวเรือน หรือ 58,000 คน พื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 300,000 ไร่ ปริมาณน้ำรวม 2.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี.