จากกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด ส่งตัวแทน เข้ามาแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีผู้กระทำความผิด 2 ราย ซึ่งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ กับเจ้าหน้าที่ที่สหกรณ์ที่ทำหน้าที่รับฝากถอนเงิน หลังพบพฤติการณ์ปลอมลายมือชื่อของลูกค้าไปเบิกถอนก่อนนำเงินเป็นของตนเอง มูลค่าความสูญเสียกว่า 212 ล้านบาท กระทั่ง พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.นางเลิ้ง ทำหนังสือรายงานพิจารณาตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในการคลี่คลายคดี และสั่งการให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าตัวผจก.-จนท.! ปลอมลายเซ็นลูกค้าสหกรณ์ก.เกษตรฯสูญกว่า212ล.

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. มีรายงานว่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีคำสั่งให้นางสุภาพร พิมลลิขิต ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวบรวมรายละเอียดเงินที่ถูกยักยอกไปจากบัญชีสมาชิกทั้งหมดภายใน 2 วัน โดยจะเรียกประชุมกรรมการสหกรณ์ พร้อมปลัดกระทรวงเกษตรฯ วันพุธที่ 6 เม.ย. นี้ที่กระทรวงเกษตรฯ ก่อนส่งคนร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีทันทีกับข้าราชการที่ทุจริตอย่างถึงที่สุด เบื้องต้นมีบุคคลต้องสงสัย 2 คน เป็นข้าราชการหญิงระดับผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายที่ทำหน้าที่ดูแลการเงินเบิกถอน

น.ส.มนัญญา ระบุอีกว่า ตั้งแต่กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้าไปตรวจสอบ มีความไม่พอใจจากกรรมการสหกรณ์แต่ละแห่ง ทั้งที่ควรจะยินดีเปิดทางให้ แต่เมื่อถูกตรวจสอบก็พบการทุจริตภายในจริงๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการยังมีช่องโหว่ และวันที่ 6 เม.ย. แม้จะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ กรรมการสหกรณ์ก็ต้องมาชี้แจง โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกในสหกรณ์เข้ารับฟังได้ด้วย เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ที่ทุกคนต้องปกป้อง

อีกทั้งมีรายงานว่านายโอภาส ทองยงค์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ส่งผู้แทนฝ่ายนิติกรของกระทรวงเข้าแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง แล้ว เพื่อติดตามผู้ยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ไป โดยผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการฝากและถอนเงิน ซึ่งพบการปลอมลายเซ็นสมาชิกในการโอนเงินออกจากบัญชีออมทรัพย์ของสมาชิกหลายคน และขอให้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ ไม่ต้องตกใจว่า เงินฝากที่มีการยักยอกไปจากบัญชีของสมาชิกจะไม่สามารถติดตามได้ เพราะผู้ฝากเงินถือเป็นเจ้าหนี้ของสหกรณ์ ดังนั้นเงินฝากจึงอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ขอให้สมาชิกนำสมุดบัญชีเงินฝากมายืนยันต่อสหกรณ์ได้ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามคดีนี้ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของกระทรวงเกษตรฯ เนื่องจากการดำเนินงานสหกรณ์เป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยราชการ ซึ่งผู้ใหญ่ในกระทรวงตั้งแต่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ และนายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ห่วงใยปัญหานี้อย่างมาก

ขณะที่บรรยากาศหน้าสหกรณ์ฯ ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมามีสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เดินไปทางไปตรวจสอบบัญชี โดยส่วนใหญ่เป็นข้าราชการและอดีตข้าราชการ หลายคนพบว่าเงินในบัญชีตัวเองมีการยักย้ายออกไปจากบัญชีจริง บางรายถูกยักยอกเงินออกไปจาก 13 ล้านกว่าบาท เหลือแค่ 9 หมื่นบาท และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีผุ้เสียหายถึง 40 ล้านบาท ต่ำสุด 4 หมื่นบาท ส่วนมากเป็นสมาชิกที่การเงินในบัญชีไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หรือเปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อกินดอกเบี้ยปัจจุบันร้อยละ 3 ต่อปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเรื่องทาง เว็บไซต์ของสหกรณ์ ออกประกาศติดกันถึง 6 ฉบับ ตั้งแต่ข้อกำหนดการปิดบัญชีที่ต้องเงินในระบบตรงกับสมุดบัญชี ไม่มีหนี้สินหรือผู้ไม่มีภาระค้ำประกันกับสหกรณ์ และจำกัดวงเงินถอนได้ทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 4 ล้านบาท เพื่อป้องกันการขาดสภาพคล่อง โดยเอกสารล่าสุดประกาศขอปิดทำการ วันที่ 5-6 เม.ย.นี้ ตามคำสั่งของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลสมาชิก 100%

ส่วนผลดำเนินการของสหกรณ์ดังกล่าว ขณะเดียวกันทางสหกรณ์มองว่า แม้มูลค่าความเสียหายในการตรวจเจอครั้งนี้มีจำนวนมาก เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วสหกรณ์ยังมีเงินที่ล้นระบบไม่มีสมาชิกกู้อยู่อีกจำนวน 600 กว่าล้านบาท ฝากไว้กับสหกรณ์สถาบันการเงินอื่น เป็นทุนหมุนเวียนได้ในขณะนี้ จึงยังไม่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และมีทุนสำรองหากประสบปัญหาอีก 140 กว่าล้านบาท ดังนั้น สหกรณ์ยังมีความมั่นคงทางการเงิน ในการให้บริการแก่สมาชิก โดยรายงานล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม มีสมาชิก 4,439 ราย ทุนดำเนินการ 2,823 ล้านบาท เงินฝาก 1,049 ล้านบาท