สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ว่า สภาผู้แทนราษฎรของปากีสถานมีมติเสียงข้างมาก 174 เสียง จากทั้งหมด 342 เสียง ในการประชุม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เลือกนายเชห์บาซ ชารีฟ วัย 70 ปี ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน และเป็นน้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของประเทศ


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยเสียงข้างมากที่เท่ากัน สนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน เนื่องจากไม่สามารถบริหารนโยบายเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายใน ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป


ทั้งนี้ ชารีฟจะอยู่ในวาระที่เหลือของข่าน คือจนถึงเดือน ส.ค. 2565 หลังจากนั้นจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ขณะที่ ข่าน วัย 69 ปี อดีตนักคริกเกตทีมชาติปากีสถาน ถือเป็นผู้นำรัฐบาลคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งต้องพ้นจากตำแหน่ง จากการลงมติไม่ไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎร อนึ่ง นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 2490 ปากีสถานไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้ครบวาระ คือ 5 ปี

มวลชนฝ่ายสนับสนุน อดีตนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ชุมนุมแสดงพลัง ในเมืองเปชวาร์


ขณะที่ ชารีฟกล่าวต่อที่ประชุม เป็นครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี เตรียมเพิ่มเงินเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ และยกระดับสวัสดิการให้กับผู้ใช้แรงงาน และวิจารณ์นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชุดก่อนหน้า “ล้มเหลว” การเร่งผลักดันโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน (ซีเปค) และการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตร โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งมีความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องภูมิภาคแคชเมียร์


อย่างไรก็ตาม สมาชิกทั้ง 155 คน ของพรรคเตห์รีค-อี-อินซาฟ (พีทีไอ) ภายใต้การนำของข่าน และจะเป็นฝ่ายค้านจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ ขอลาออกยกพรรค หากได้รับการอนุมัติจากประธานสภา หมายความว่า ปากีสถานต้องจัดการเลือกตั้งซ่อม 155 ครั้ง ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาลอย่างไม่ต้องสงสัย.

เครดิตภาพ : REUTERS