จากกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า มีน้องคนนึงมาปรึกษาว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับเพราะนักการเมืองคนนี้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆ นานา ซึ่งคุณแม่ของน้องได้ปรึกษาผมทาง LINE Official: https://page.line.me/sittra ผมได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีและเก็บหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้ว ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 เม.ย. ที่ สน.ลุมพินี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือทนายตั้ม ได้เดินทางมาติดตามสอบถามความคืบหน้าทางคดีของนักศึกษาสาว หลังจากถูกรองหัวหน้าพรรคใหญ่ลวงไปร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท จากนั้นได้กระทำการลวนลามนักศึกษาสาว และชวนพูดคุยแต่เรื่องใต้สะดือ ไม่มีการพูดคุยในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องหุ้น ตามที่พูดคุยกันไว้ก่อนแต่อย่างใด

ทนายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาติดตามเรื่องคดีน้องนักศึกษา อายุ 18 ปี ที่ได้มาแจ้งความดำเนินคดีรองหัวพรรคคนหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุเกิดในวันที่ 11 เม.ย. เวลาประมาณ 17.00-20.00 น. โดยตนได้พูดคุยกับน้องผู้เสียหายและคุณแม่แล้ว และก็ได้สอบถามถึงรายละเอียดทั้งหมด ทราบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับทางพรรคผู้ก่อเหตุเลย เพราะคุณแม่ของน้องผู้เสียหาย เป็นเอฟซีพรรคดังกล่าวจริงๆ และด้วยความที่เห็นว่ารองหัวหน้าพรรคคนนี้พูดจาดี และเป็นคนดี พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับลูกสาว จึงเสียความรู้สึกอย่างมาก จึงตัดสินใจมาพบตน ตามที่ตนได้เปิดเผยไป และสำหรับพฤติกรรมก่อนก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาก็มีการจีบ พูดคุยทำนองชู้สาว ชวนคุยแต่เรื่องใต้สะดือ ซึ่งเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ส่วนมากอายุ 18 ปีทั้งนั้น

ทนายษิทรา ยังเผยอีกว่า หลังจากที่ตนไลฟ์สดจบเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้เสียหายทักไลน์ตนมาอีก 3 ราย และเป็นเหยื่อทั้งหมด โดยพบว่ามีหญิงสาวรายหนึ่ง เป็นคนในพรรคเดียวกับผู้ก่อเหตุ ขณะนี้อยู่จังหวัดราชบุรี และกำลังเดินทางขึ้นมาที่กรุงเทพฯ เพื่อพูดคุยกับตนก่อน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายที่กำลังบินอยู่ต่างประเทศ กำลังจะส่งข้อมูลรายละเอียดมาให้ตนอีกราย

ส่วนเรื่องที่รองหัวหน้าพรรคใหญ่ดังกล่าวชี้แจง ทนายษิทรา เผยว่า ตนเดาว่าเขาคงจะเอาแชตไลน์หลังเกิดเหตุ มาแถลงข่าว เพราะจริงๆ ในตอนนั้นคุณแม่ยังไม่รู้เรื่องเพราะน้องไม่กล้าบอก เลยส่งข้อความไปขอบคุณเขา เพราะเหตุมันเกิดช่วง 17.00-20.00 น. อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากสื่อไปถามตัวผู้ก่อเหตุว่า ได้มีการพยายามทักไปขอโทษคุณแม่และคุณลุงน้องผู้เสียหายหรือไม่ ทักไปทำไม หากรองหัวหน้าพรรครายนี้ไม่กลัวความผิด

นอกจากนี้ เชื่อว่ามีเหยื่อรวมแล้วเกิน 10 ราย ในนี้ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2556 และล่าสุดก็มีเหตุเกิดเมื่อปีก่อน ทำให้ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทราบว่าสถานที่ในการก่อเหตุนั้น จะใช้ร้านอาหารแห่งนี้นัดพบหลายครั้ง โดยคนก่อเหตุมักจะข่มขู่เหยื่อ อ้างว่าพ่อตนเป็นใคร และอาจจะมีรสนิยมชอบเหยื่อที่มีอาการขัดขืน ทั้งนี้ ขอให้เหยื่อรายอื่นๆ หากถูกกระทำในลักษณะนี้ให้มาแจ้งความเอาผิด เพราะโทษของคดีนี้มาอายุความถึง 20 ปี

ทนายษิทรา เผยต่อว่า เหยื่อทุกคนกลัว ไม่มีใครกล้าแจ้งความ เดี๋ยวตนจะประสานไปที่รองหัวหน้าพรรครายนี้ เพื่อขอให้มาให้ข้อมูลและให้ตำรวจสอบปากคำ เผื่อคดีความของเหยื่อรายไหนที่ยังไม่ครบอายุปี จะได้ดำเนินคดีได้ ขณะนี้พบว่ามีการแจ้งความแค่รายเดียว ก็คือกรณีของน้องนักศึกษา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเกมการเมืองไหม ที่ออกมาพูดตอนนี้ ทนายษิทรา เผยว่า เหตุมันเกิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ต้องแจ้งความกันตอนนี้ ถ้าจะรอให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก่อนแล้วค่อยมาแจ้งความก็คงไม่ได้ แต่ถ้าคิดว่าเป็นเกมทางการเมือง ก็ขอให้ผู้ก่อเหตุออกมาปฏิเสธเลย และมาตอบให้เต็มปากว่าพยายามขอโทษน้องกับคุณแม่ทำไม ก็พูดมาเลยว่าเป็นเกมการเมือง อีกทั้งยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง

ทนายษิทรา ยังทิ้งท้ายว่า ถึงเวลากำจัดภัยสังคม ตนไม่กลัวการถูกฟ้อง เพราะมีผู้เสียหายเยอะ การกระทำดังกล่าว ผู้ก่อเหตุทำบ่อยครั้ง จนคิดว่ากฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้

ด้าน พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ว่า ได้สอบปากคำผู้เสียหายหลังรับแจ้งความเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมาไปแล้ว ส่วนรายละเอียดความคืบหน้าของคดีนั้น รายละเอียดยังคงอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้