เมื่อวันที่ 27 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พร้อมด้วย นายธันย์ชนน ศรีอัษฎาวุธกุล ผู้สมัคร ส.ก.เขตดุสิต เบอร์ 2 พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ ชุมชนวัดคอนเซ็ปชัญ และชุมชนมิตรคาม ถนนสามเสน เขตดุสิต เพื่อเชิญชวนให้ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การเข้าไปในชุมชนคอนเซ็ปชัญ ทำให้เห็นปัญหาในเรื่องการจัดเก็บขยะที่ไม่มีจุดทิ้งขยะ เป็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น ทั้งที่ประชาชนเสียภาษีและค่าธรรมเนียมจากการจัดเก็บขยะเหมือนกัน เขตสามารถจัดเก็บขยะให้กับห้างสรรพสินค้าโรงแรมหรูได้ แต่ประชาชนที่เสียค่าขยะเหมือนกัน แม้แต่ถังขยะ จุดทิ้งขยะยังไม่มีบริการ ประชาชนต้องดูแลตัวเอง

“นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงต้องนำเรื่องนี้เป็นนโยบายในการแก้ไขปัญหาเพื่อคน กทม. เราไม่ได้มองแค่เรื่องการจัดเก็บขยะเพียงอย่างเดียว เพราะค่าใช้จ่ายที่กทม.แบกรับในการจัดการขยะมีมากถึง 7,000 ล้านบาท แต่เก็บค่าขยะได้เพียง 500 ล้านบาท พอไปดูในรายละเอียด ร้านสะดวกซื้อจ่ายแค่ 120 บาทต่อเดือน หรือตกวันละ 4 บาท นายทุนห้างสรรพสินค้าจ่ายเพียงเดือนละไม่กี่หมื่นบาท แล้วเราจะเอาเงินตรงไหนมาปรับปรุงจัดการ จุดทิ้งขยะ ปรับปรุงเที่ยววิ่งรถขยะให้ตอบสนองกับการต้องการของประชาชนได้ หากเก็บค่าจัดการขยะของทุนใหญ่เพียงเท่านี้” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งว่า พรรคก้าวไกลจะเน้นใช้นโยบายในการหาเสียงแบบสั้นๆ เข้าใจง่าย กระชับ เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า การแก้ไขปัญหา กทม. ถ้าบริหารด้วยการจัดทำงบประมาณแบบปกติโดยไม่คิดจากปัญหาเป็นฐาน และหากยังคงใช้กติกา ข้อบัญญัติต่างๆแบบเดิมจะแก้ไขอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้นคือการปล่อยให้กลุ่มคนเพียงบางกลุ่ม คือนายทุนและผู้รับเหมาได้รับประโยชน์ โดยที่ไม่ไปแตะคนกลุ่มนั้นเลย กทม.จะแก้ไขปัญหาไม่ได้เช่นกัน.