เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 เม.ย. คุณยายยุรี อร่ามแสง อายุ 71 ปี พร้อมด้วยนายอมรรัตน์ อร่ามแสง บุตรชาย นายปิยาภรณ์ อร่ามแสง หลานชาย และนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ทีมงานของนายธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางเข้าติดตามความคืบหน้าคดีความที่ สน.นางเลิ้ง ภายหลังจากที่ยายยุรี ถูกทหารยศ จ.ส.อ. เข้ามาข่มขู่ขับไล่ จนถึงขั้นทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดหน้าร้านสะดวกซื้อ หลังกองบัญชาการกองทัพบก ถนนประชาธิปไตย แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา

ยายยุรี เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 7 มี.ค. เวลาประมาณ 11.00 น. ขณะที่ตนนั่งขายลอตเตอรี่อยู่ตรงทางเท้า ได้มีทหารยศ จ.ส.อ. มาขับไล่ไม่ให้ขายตรงนี้ เพราะตนขายในราคา 80 บาท แต่ทหารคนดังกล่าวซึ่งมีแผงขายลอตเตอรี่ในย่านนั้น ขายในราคา 100 บาท ทำให้ทุกครั้งที่มานั่งขายลอตเตอรี่ จะถูก จ.ส.อ. คนนี้ด่าใช้คำหยาบคายและขับไล่ตลอด “เขาด่าตลอดว่า กูไม่ให้ขาย มึงพูดไม่รู้เรื่องไง กูขาย 100 มึงขาย 80 ได้ไง มึงอยากขายไปขายที่อื่น แต่ตนได้เถียงไปเช่นกัน และยืนยันว่าจะขายจุดนี้” ตนดูแล้วไม่ปลอดภัย จึงมาเล่าให้ลูกและหลานฟัง วันรุ่งขึ้นหลานชายเป็นห่วง จึงได้ติดตามไปด้วยทำให้เกิดเรื่องราวทะเลาะวิวาทกันขึ้น ตนได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายจากการถูกภรรยา จ.ส.อ. บีบที่ต้นแขนอย่างแรง ตนและครอบครัวเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเขาเป็นทหาร

ยายร้องขายหวยใบละ 80 ถูกทหารยศ ‘จ.ส.อ.’ ข่มขู่ขับไล่เพราะขายถูกกว่า

โดยนายอมรรัตน์ อร่ามแสง ลูกชายของยายยุรี กล่าวว่า เดิมทีแม่มีอาชีพขายไก่ทอดในที่เกิดเหตุ และขายลอตเตอรี่มานานมากแล้ว แต่ไม่ได้ขายแบบตั้งแผง เวลาลูกค้าต้องการเลขอะไรก็มาบอกแม่ แม่ก็จะช่วยหาเลขที่ต้องการไปขายให้ และบางครั้งแม่ก็แบ่งลอตเตอรี่ของตนไปขายบ้าง จนกระทั่งแม่ได้โควตาลอตเตอรี่จากกองสลาก 1 เล่ม แม่จึงตัดสินใจตั้งแผงเล็กๆ ขายเอง โดยขายในราคา 80 บาท ทำให้นายทหารไม่พอใจ เพราะคู่กรณีขายใบละ 100 บาท จึงมักจะพูดเหน็บแนมแม่ตนอยู่เป็นประจำ จนก่อนวันเกิดเหตุนายทหารมาต่อว่าแม่ของตนถึงหน้าร้าน และไล่ให้แม่ไปขายที่อื่น หลังจากกลับไปบ้าน แม่จึงเล่าให้ตนฟัง ทำให้ตนรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะคู่กรณีไม่ใช่เจ้าของที่ มีสิทธิอะไรมาไล่แม่ตนไม่ให้ขาย และอีกอย่างตนขายในราคาที่กฎหมายกำหนด คู่กรณีขายเกินราคาด้วยซ้ำ มีสิทธิอะไรมาไล่ตน ในวันเกิดเหตุ ตนจึงให้แม่ไปขายของตามปกติ โดยให้นายปิยาภรณ์ อร่ามแสง หลานชายตามไปดูแลเพราะกลัวแม่จะไม่ปลอดภัย จนกระทั่งเวลา 11.00 น. ของวันเกิดเหตุ แม่และหลานกำลังจะสั่งก๋วยเตี๋ยวรับประทาน แต่จู่ๆ คู่กรณีและภรรยาขับรถออกมาถึงปากซอยใกล้ที่เกิดเหตุ หลานชายจึงเข้าไปถามว่าด่าแม่ตนทำไม จนเป็นเหตุให้ทะเลาะลงไม้ลงมือกัน เมื่อตนได้ข่าวว่าคู่กรณีกับหลานทะเลาะกันจึงรีบขับรถมาหา เมื่อมาถึงก็เห็นว่าทั้งคู่กำลังชุลมุนกันอยู่ จึงเข้าไปแยก แต่กลับถูกคู่กรณีคว้าหมวกกันน็อกฟาดมาที่หัว ตนใช้มือซ้ายรับจนได้รับบาดเจ็บเกิดรอยฟกช้ำ จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนคู่กรณีเดินทางมาแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง กล่าวหาว่าตนรุมทำร้าย ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย คู่กรณีและภรรยาต่างหากที่รุมทำร้ายหลานตน ถามกว่ากลัวไหมที่คู่กรณีเป็นทหาร ตอบตรงๆ ว่ากลัวเรื่องความปลอดภัย แต่กังวลที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่า

ด้าน นายปิยาภรณ์ หลานชายและเป็นผู้เสียหาย เดินทางมาด้วยสภาพที่แขนข้างซ้ายเข้าเฝือก กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุยอมรับว่าเดินไปหาคู่กรณีก่อนจริง โดยไปถามว่า มาไล่และด่าย่าตนทำไม คู่กรณีจึงตอบกลับมาว่าแล้วมึงจะทำไม จากนั้นคู่กรณีก็เตรียมถอดเสื้อเครื่องแบบออกและง้างหมัดจะต่อย ตนจึงสวนหมัดใส่คู่กรณี จากนั้นจึงชุลมุนโดยมีภรรยาของคู่กรณีรุมทำร้ายเอาหมวกกันน็อกมาฟาดที่แขนและมือตน 2 ครั้ง จนเป็นเหตุให้กระดูกนิ้วก้อยซ้ายแตก และยืนยันว่าตนไม่ได้มีการรุมทำร้ายคู่กรณีแต่อย่างใด

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวคู่กรณีเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนผู้เสียหายเป็นชาวบ้านทั่วไป เกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้ามาเป็นตัวกลางในการติดตามความคืบหน้าของคณะ นอกจากนี้ส่วนตัวมองว่า คู่กรณีเป็นถึงนายทหารจะมาอ้างไม่ได้ว่าไม่รู้กฎหมายห้ามขายเกินราคา ในส่วนนี้ถ้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบความผิด ต้นสังกัดเองก็ควรจะมีบทลงโทษเช่นเดียวกัน

ด้าน พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุนายทหารรายดังกล่าวได้เข้ามาแจ้งความเอาผิดจริง ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายและได้มีการเรียกนายปิยาภรณ์ อร่ามแสง เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและส่งฟ้องศาลไปแล้ว ส่วนคดีที่นายปิยาภรณ์ แจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกายนั้น ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่คาบเกี่ยว 2 สน. จึงอาจจะทำให้เกิดความสับสน ซึ่งทาง สน.นางเลิ้ง ก็ได้ประสานกับ สน.ชนะสงคราม และรับแจ้งความในคดีของ นายปิยาภรณ์ เรียบร้อยแล้ว และวันนี้ก็ได้รับไปตรวจร่างกาย ที่แพทย์ลงความเห็นว่ากระดูกนิ้วแตก ต้องเข้าเฝือกและต้องรักษาตัวมากกว่า 20 วัน หลังจากนี้ก็ต้องสอบปากคำนายปิยาภรณ์ และเรียกคู่กรณีมาแจ้งข้อหาเช่นเดียวกัน โดยข้อหาที่จะแจ้งคือ “ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” ส่วนที่ทางผู้เสียหายกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่ที่ผู้เสียหายขายของเป็นพื้นที่ของ สน.ชนะสงคราม ตนจึงจะให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอรับรองความปลอดภัย และประสานไปยัง สน.ชนะสงคราม เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป.