“โรคอ้วนลงพุง” มีสาเหตุเริ่มต้นจากการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม กินอาหารมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาล และไขมันสูง ร่วมกับการไม่ออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักมากเกินไป พุงยื่น สำหรับคนไทย ผู้ชายไม่ควรมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ผู้หญิงไม่ควรมีรอบเอวเกิน 80 ซม.  แต่ส่วนใหญ่ กลุ่มอาการนี้เป็นผลจากการใช้ชีวิตอย่างไม่เหมาะสม บริโภคอาหารที่มีพลังงานสูง กินล้นกินเกิน และใช้ชีวิตแบบนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากสารอาหารมาก และใช้พลังงานในชีวิตประจำวันน้อยลง พลังงานส่วนเกินก็จะถูกสะสมอยู่ในรูปของเนื้อเยื่อไขมันที่พอกพูนอยู่ในช่องท้อง รวมทั้งส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดความผิดปกติอื่น ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง

ความอ่อนแอของคนอ้วนจะเกิดผลร้ายรวมกันหลายโรคเช่น มีไขมันในเลือดสูง มีความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ตามด้วยขบวนสุดท้ายโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจ ตายได้ น้ำตาลในเลือดจะเข้าสู่เซลส์ในร่างกายระดับดีเอ็นเอได้จำต้องมีพาหนะคืออินซูลิน หากดื้อไม่ตอบสนองต่ออินซูลินน้ำตาลก็จะคั่งในกระแสเลือด ทำให้ปัสสาวะออกมาหวานเจี๊ยบ ไตวายได้ ความดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด หลอดเลือดเกิดภาวะตีบตัน ผนังหลอดเลือดทำงานผิดปกติมีไขมันในเลือดผิดปกติ เกิดผลึกไขมันที่หลอดเลือดจนหลอดเลือดแข็งตัวไม่ยืดหยุ่น (Arteriosclerosis)  เกิดขบวนการตีบตันในหลอดเลือด เส้นเลือดทั่วร่างกาย มีปัญหา จะแสดงออกทางสมรรถภาพทางเพศการแข็งตัวจะลดลง พบได้ในเด็กหนุ่มวัย 20 ปี ขึ้นไปจนถึงชายอายุวัย 70 ปีขึ้นไปพบได้บ่อย ๆ

ชายหนุ่มที่อ้วนไม่ออกกำลัง จะมีโอกาสพบกับอาการกลุ่มเอ็มเอสได้ เด็กดื้อจะตามใจปาก หรืออาหารขยะทั้งหลายทำให้เด็กอ้วนผู้ใหญ่อ้วน มีความดื้อต่ออินซูลิน เป็นสาเหตุแรกของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การป้องกันแต่เริ่มต้น จึงสำคัญต่อการเกิดโรคอีดีได้ การป้องกันจะเริ่มจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังและการกินของทั้งสองกลุ่มทั้งวัยหนุ่มและวัยผู้สูงอายุ คือ อาหารที่รับมากไปแล้วใช้ไม่หมดถูกสะสมไว้ โรคอ้วนต้องลดน้ำหนักก็คงจะใช้เวลา 6-12 เดือน ฝ่ายหญิงคงรำคาญฝ่ายชายที่สมรรถภาพแย่ลง จึงต้องใช้โปรแกรม  4 ประการให้แข็งตัวได้จากวันแรกที่มาพบแพทย์และชำนาญ ภายใน 14 วัน ก็สามารถให้ความสุขฝ่ายหญิงได้แบบนึกไม่ถึง

ดังนั้นการรักษาต้นเหตุ (อ้วน) ก็ต้องรักษาไป ควบคู่กับเพิ่มสมรรถภาพทางความแข็งได้ภายใน 14 วัน ก็จะไม่มีปมด้อย ห้ามใจเย็นจนเสียของรัก.

———————–
ดร.อุ๋มอิ๋ม