ท่ามกลางเกมเขย่าขวัญในสภาทั้งฝ่ายค้านและคนกันเอง จังหวะนี้ไว้ว่างใจกันไม่ได้ในทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลจะประมาทไม่ได้ เพราะฝ่ายค้านได้ออกมาบอกว่ามีการดีลกับคนในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อล้มรัฐบาล “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม 16 ส.ส.ถึงทิศทางทางการเมืองหลังจากนี้ของกลุ่ม 16 ส.ส.พรรคเล็ก ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทิศทางจะเป็นอย่างไร จะเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาลหรือไม่

โดย “พิเชษฐ” เปิดฉากกล่าวว่ายืนยันว่ากลุ่ม 16 ส.ส.ที่ตั้งขึ้นมา ไม่ได้ต่อรองผลประโยชน์เพื่อตัวเองหรือพรรคของตนเอง แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ การหารือกับฝ่ายค้านในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถือเป็นมิติใหม่ทางการเมืองของประเทศไทยในปีสุดท้ายในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลในสมัยต่อไป การใช้งบประมาณจะต้องใช้ให้ถูกต้อง ไม่ใช่มีเนื้องาน 100 บาท แต่ได้งาน 60 บาท นอกนั้นเอาไปใช้ไม่เป็นท่า ถ้ามีการตรวจสอบจากฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และผู้แทนฝ่ายรัฐบาลดูแล้วว่าไม่ถูกต้อง เราก็ยกมือไม่ไว้วางใจ ก็ถือเป็นมิติใหม่ และแบบอย่างว่า ต่อไปในอนาคตคนที่เป็นรัฐบาลจะไม่กล้าทำอะไรที่ผิด หรือจัดตั้งโครงการอะไรจะต้องทำให้ถูกต้อง

ผมเชื่อว่าคนที่เป็นผู้นำรัฐบาลทุกรัฐบาลอยากทำให้ถูกต้อง ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการสร้างจิตสำนึกใหม่และมิติใหม่ให้นายกรัฐมนตรีรับรู้ตั้งแต่วันนี้ว่า ต่อไปนี้การร่วมมือของกลุ่มพรรคเล็ก 16 ส.ส.กับฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลเป็นเรื่องที่จะนำไปสู่อนาคต เพื่อเรียกศรัทธาประชาชนต่อระบบสภาผู้แทนราษฎร เพราะสภาผู้แทนราษฎรในสายตาประชาชนตอนนี้ในเรื่องการตรวจสอบมันเสื่อมลง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมไปรับประทานอาหารกับนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วเขาพูดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้เชื่อมั่นในฝ่ายค้าน ว่าจะสามารถตรวจสอบรัฐบาลแบบมีประสิทธิภาพ เพราะมีทีเด็ดประเด็นเรื่องการลงนามในสัญญาดำเนินกิจการโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งผมก็บอกว่า ผมจะขอฟังข้อมูลเรื่องนี้ก่อน ถ้าข้อมูลเป็นอย่างที่บอกกับผมชัดเจน ผมก็ยกมือให้ไม่ได้  

@ หากกลุ่มพรรคเล็กไม่ยกมือสนับสนุนรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำให้กระทบความสัมพันธ์กับนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ถ้าจะให้ผมตัดสินใจ ผมตัดสินใจเลือกประเทศชาติ ผมไม่เลือกตัวบุคคล และจะมีปัญหากับนายกฯ ได้อย่างไร เพราะการตัดสินใจเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หากเราเห็นว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านตรวจสอบนำเสนอว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ผมจะไปเห็นด้วยกับรัฐบาลได้อย่างไร ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งกับรัฐบาลหรือกับนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. ซึ่งไม่เกี่ยวกันเพราะเป็นเรื่องหน้าที่ของผู้แทนและเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในการยกมือโหวต และผมเคลื่อนไหวในนามกลุ่ม 16 ส.ส. พล.อ.ประวิตร เข้าใจว่าอะไรคืออะไร หน้าที่ของใครของมัน พล.อ.ประวิตร ก็ถามผมว่าเรื่องเป็นอย่างไร ต้องพิจารณาให้ดี สิ่งที่ได้มาอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ผมก็ตอบไปว่า ไม่เป็นอะไรให้ไปชี้แจงกันในสภา ผมมีหน้าที่ฟังว่าอันไหนถูกต้อง ก็ยืนอยู่ข้างความถูกต้อง เราไม่ใช่บริษัทจำกัดเราเป็นพรรคการเมือง

@ ท่าทีของกลุ่มพรรคเล็ก 16 ส.ส.แต่ละครั้งที่มีความเคลื่อนไหวเป็นเพราะต้องการสร้างราคาให้ตัวเองหรือไม่

เราสร้างราคาให้ตัวเอง เพื่อให้การเลือกตั้งในสมัยหน้าได้กลับมาเป็นผู้แทนราษฎร เราทำเพื่อประชาชน ตอนนี้ไม่เกี่ยวว่าได้กล้วยหรือไม่ได้กล้วย มาถึงขั้นนี้ ผมถามว่าจะเอาราคา สร้างราคาจากใคร ถ้าขั้นตอนที่รัฐบาลทำนั้นทำมาอย่างถูกต้อง ส่วนที่หลายคนมองว่า ตอนนี้กลุ่มพรรคเล็ก 16 ส.ส.ถือว่าเนื้อหอมมาก มีพรรคการเมืองติดต่อให้ไปเข้าร่วมบ้างหรือไม่ ผมคิดว่า ยังเร็วไป ตอนนี้กลุ่มพรรคเล็ก 16 ส.ส. ลงพื้นที่ก็ลงในนามตัวเองเป็นหลัก ไม่ใช่ในนามพรรค เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะอยู่ตรงไหน

@ มีแนวโน้มว่าจะไปอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพรรคเศรษฐกิจไทย หรือไม่

ขณะนี้แนวทางของพวกเรา คือ การร่วมกัน เอื้ออาทร ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เพราะเราอยู่ร่วมกันมาเกือบ 4 ปี และเหลือเวลาอีกไม่ถึงปีที่จะมีการเลือกตั้งและกฎกติกาในการเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่ามีโอกาสจะกลับมาเป็นผู้แทนราษฎรอีกหรือไม่ มันยาก ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส เพราะเราคุ้นเคยกันมาหลายปี แต่ ร.อ.ธรรมนัส เองก็ต้องรับผิดชอบในฐานะแม่บ้านของพรรคเศรษฐกิจไทย คงมาลงรายละเอียดกับเรามากไม่ได้ เราต้องเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง

@ กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบพรรคเล็กคิดว่าสู้ไหวหรือไม่

อย่างไรก็ต้องสู้ อยู่ที่ผลงานที่เราทำเพื่อประเทศชาติ ประชาชนรู้ลองไปกินกล้วย ชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่ได้เข้าสภา แต่ถ้ากติกาหารด้วย 500 โอกาสที่เราจะได้กลับมาเป็นผู้แทนมีโอกาสสูง และคะแนนผู้แทน 1 คนไม่ถึงแสนคะแนน แต่หากหารด้วย 100 ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 3 แสนคะแนน มันเหนื่อย โอกาสแทบจะไม่ได้ ผมถามว่าจะเอาคะแนนที่ไหน นอกจาก 6-7 พรรคมารวมตัวกันก็อาจจะได้ผู้แทน 1-2 คน ที่เหลือก็เป็นสมาชิกพรรค และหากได้ร่วมรัฐบาลก็ไปเป็นคณะกรรมาธิการ ตอนนี้เราห่วงกติกาจะต้องดูว่าออกมาอย่างไร เราจะได้อยู่หรือไม่อยู่จะได้กลับมาหรือไม่ แต่ทุกคนก็มีแผนรองรับและมีเป้าหมายของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าไม่รวมกันก็จะต้องไปอยู่ตรงไหนอยู่แล้ว ผมอยู่พรรคใหญ่อยู่แล้ว แต่ที่เหลืออยู่พรรคเล็กก็ไม่ทราบว่าจะมีใครไปอยู่กับฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต

@ มีกระแสข่าวว่ามีการดีลกับพรรคเพื่อไทยเพื่อโค่น พล.อ.ประยุทธ์ แล้วให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล

ไม่มีพูดเรื่องนี้ พูดแต่เรื่องข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนี้มาพูดตอนนี้ไม่ได้ เป็นเรื่องในอนาคต และวันที่ผมไปรับประทานอาหารค่ำกับนายยุทธพงศ์  ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จริง ทักทายกันธรรมดา ผมบอกว่า ผมยังจำวันเกิดท่านได้ เพราะเราเกิดปีมะเมียเหมือนกัน แต่ผมแก่กว่าท่าน 1 รอบ และทักษิณ เขาเป็นเจ้านายเก่าผม ไม่ได้เสียหายอะไร รู้จักกันมาก่อนนานแล้ว ตั้งแต่นายทักษิณยังไม่เล่นการเมือง ผูกพันกันมาตรงนี้