บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงของ ข้าวยากหมากแพง ของจริง แม้จะเป็นคำโบราณ แต่ก็ยังนำมาใช้ได้ถึงปัจจุบัน ในช่วงที่ น้ำมันแพง ราคาขยับขึ้นแทบจะรายวัน จนส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไล่ตั้งแต่เครื่องอุปโภค บริโภค แม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สัปดาห์ที่แล้วก็ตั้งท่าจะขอขยับขึ้นราคาเช่นกัน

ยกเว้นสิ่งเดียวตอนนี้ยังถูกเช่นเดิมคือ ค่าแรง !!

ประชาชนตาดำ ๆ หาเช้ากินค่ำ ส่วนใหญ่ยังต้องใช้รถขนส่งสาธารณะเดินทางออกไปทำงาน ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว เริ่มส่งเสียงสะท้อนดังขึ้นมาเรื่อย ๆ โอดครวญมาหลากหลายรูปแบบให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน ล่าสุดออกมาระบายผ่านทาง เพจเฟซบุ๊ก รถเมล์ไทยแฟนคลับ อัดอั้นตันใจว่า

รถเมล์หลัง 20.00 . หายไปไหนหมด อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยลงมาดู หรือลองมาใช้บริการรถเมล์กลับบ้าน อย่างประชาชนดู จะได้รู้ถึงความทุกข์ ความลำบากของ ประชาชนผู้ใช้บริการ รถมาก็เต็ม! ขึ้นไม่ได้ วันไหนฝนตก ลำบากสุด ๆ และรถเมล์บางเส้นทาง ขสมก.เคยมีวิ่งกะสว่าง พอให้เอกชนมาเดินรถแทน กะสว่างกลับหายไปก็มี”

เสียงสะท้อนปัญหาความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัด ประชาชนผู้ใช้บริการรถเมล์ขนส่งสาธารณะไม่ได้มีรายได้สูงเพียงพอที่จะควักกระเป๋าตังค์ จ่ายค่ารถตู้, ค่ารถไฟฟ้า, หรือค่าแท็กซี่ ได้ทุกวัน ยังจำเป็นต้องพึ่งพารถเมล์ที่พอจับต้องได้เพื่อใช้เป็นการเดินทางไปหาเลี้ยงชีพ

หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ยังดีที่ก็ยังมีเสียงตอบรับกลับมาบ้างจาก สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย ออกมาขอโทษผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบในความไม่สะดวกในการใช้บริการ เนื่องจากบรรดาผู้ประกอบการต้องลดเที่ยววิ่งลงและทยอยหยุดการให้บริการในบางเส้นทาง พร้อมอธิบายสาเหตุถึง ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ที่ทยอยปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง
ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางต้องทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาตลอด เพียงเพื่อให้สามารถเป็นช่องทางการเดินทางที่ประหยัด และสะดวกที่สุดแก่ประชาชน

เคยพยายามขอให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการใช้อัตราโครงสร้างค่าโดยสารที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อปี 2548 ซึ่งเป็นอัตราที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลไม่มีทีท่าจะให้การเหลียวแลแต่อย่างใด ขณะที่การขนส่งทางอากาศ และทางน้ำ ได้ปรับค่าโดยสารกันไปแล้วก่อนหน้านี้

เป็นเพียงแค่ 1 ปัญหาปากท้องเรื่องใกล้ตัว ที่ประชาชนกำลังประสบอยู่ในสภาวะปัจจุบัน อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่ความเป็นจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นแทบจะทุกอย่างเชื่อมโยงกันไปหมด

ปัจจุบัน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พล.. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องมารับหน้าเสื่อกำกับดูแล นโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มีผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงความเชื่อมั่นต่อตลาดเงินและตลาดทุน ขณะที่ทีมงานเศรษฐกิจ พอไล่รายชื่อได้ก็มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน,นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ม็อบ เริ่มกลับมารวมตัวลงถนนในเมืองกรุงอีกระลอก ส่วนใหญ่กลายเป็นคนหนุ่มสาว เมื่อตอน 8 ปีก่อนอาจจะยังเรียนมัธยมต้น ขณะนี้เติบโตก้าวเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา เรียนมหาวิทยาลัย นับเป็นสิ่งสะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มคนหนุ่มสาวศรัทธาผลงานรัฐบาลประยุทธ์มากน้อยเพียงใด?

เมื่อรัฐบาลไม่สามารถสร้างความคาดหวังให้กับกลุ่มอนาคตของชาติได้ ที่สำคัญหากหนุ่มสาวรวมตัวกับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนแสนสาหัสจากภาวะเศรษฐกิจก่อม็อบใหญ่ ขับไล่รัฐบาล ก็เป็นเรื่องไม่ไกลเกินจริง!!

———————-
เชิงผา