วันจูบสากล (International Kiss Day) ได้เริ่มต้นขึ้นที่สหราชอาณาจักร โดยถือเอาวันที่ 6 กรกฎาคม เป็นวันจูบสากล หลังจากนั้นวันจูบสากลก็แพร่หลายไปทั่วโลก ชวนให้คู่รักทั้งหลายมาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ผ่านการจูบและส่งมอบความรักที่หอมหวานให้แก่กันและกัน เคยมีการกล่าวถึงทฤษฎีของการจูบด้วยกันถึง 2 ทฤษฎีเลยล่ะ โดยทฤษฎีแรกมองว่า การจูบนั้นเป็นพฤติกรรมที่พัฒนามาจากการป้อนอาหารจากแม่สู่ลูกโดยใช้ริมฝีปาก อีกทฤษฎีมองว่า การจูบนั้นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่มีมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแล้ว

โดยการจูบนั้นสื่อความหมายมากกว่าแค่คำว่า “รัก” เพราะกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความใกล้ชิดที่แพร่หลายไปทั่วโลก และยังเป็นวัฒนธรรมที่แสดงถึงมิตรภาพ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนรักหรือหวานใจ แต่การจูบยังแสดงสามารถแสดงถึงความรักที่มอบให้แก่คนในครอบครัวและเพื่อนฝูงได้เช่นกัน เช่น การจุ๊บเบาๆ ที่แก้ม เพื่อทักทาย หรือ อวยพร การใช้จูบแสดงความเคารพ หรือแม้แต่การจูบระหว่างแม่และลูกที่แม้ไม่ต้องเอ่ยคำใด…

การจูบ

การจูบ คือการนำเอาริมฝีปากสัมผัสกับร่างกายของอีกคนหนึ่ง การแสดงการจูบในแต่ละวัฒนธรรมมีความหมายที่แตกต่างกันไป การจูบอาจเพื่อแสดงความรักหรือความใคร่ ความนับถือ การทักทายและแสดงความโชคดี การจูบในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกโดยมากจะเป็นการแสดงความรัก ในบางวัฒนธรรมการจูบเป็นการทักทาย โดยเฉพาะประเทศในยุโรป แต่ในบางครั้งการจูบก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดประจำวัน อย่างเช่นชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย ชาวตาฮิติ หรือหลายเผ่าในแอฟริกา การศึกษาเรื่องการจูบเริ่มในต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่ชื่อ เออร์เนสต์ ครอว์ลีย์ เขียนไว้ว่า “การจูบเป็นการแสดงอเนกประสงค์ในชีวิตสังคมของความศิวิไลซ์ชั้นสูงกว่าของความรู้สึก ความใคร่ ความรัก (เพศ ความเป็นพ่อเป็นแม่ และความเป็นลูก) และความเคารพ”

ครอว์เลย์ยังกล่าวว่า การสัมผัส “เป็นความรู้สึกของความเป็นแม่ และการจูบเป็นการสัมผัสและรูปแบบพิเศษของการติดต่อกันที่ใกล้ชิด”

อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า การจูบเป็นเรื่องแปลกใน “กลุ่มผู้ไม่เจริญกว่า” แต่กระนั้นในบรรดาผู้มีความศิวิไลซ์สูงกว่า ครวว์ลีย์ เห็นความแตกต่างว่า การจูบในอียิปต์โบราณไม่เป็นที่รู้จัก แต่ก็แสดงให้เห็นดีในกรีกยุคต้น, อัสซีเรีย และอินเดีย

การจูบกันของความรักนั้น นักมานุษยวิทยาในศตวรรษที่ 19 ที่ชื่อเซแซร์ ลอมโบรโซ ระบุมีต้นกำเนิดและพัฒนามาจากการจูบของมารดา ครอว์เลย์ สนับสนุนมุมมองนี้โดยกล่าวว่า ในสังคมญี่ปุ่น ก่อนศตวรรษที่ 20 “เป็นสิ่งที่ไม่ตระหนักถึง ยกเว้นเพียงมารดาจูบทารกของเธอ” ขณะที่ในแอฟริกาและคนป่าเถื่อนไร้ศาสนาภรรยา หรือคนรักกันต่างก็ไม่จูบกัน อย่างไรก็ตามในวัฒนธรรมกรีกและละติน การจูบกันถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อพ่อแม่จูบลูกของเขาหรือคนรัก หรือคนแต่งงานกันแล้วต่างก็จูบกัน การจูบในสังคมตะวันตกยังมีใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาหลายอย่าง เพื่อแสดงความศักดิ์สิทธิ์

รู้หรือไม่? การจูบมีประโยชน์หลายอย่างเลยล่ะ!!!

จูบช่วยลดความเครียดและทำให้เรามีความสุข ผลการวิจัยของ Western Journal of Communication พบว่าการแสดงความรักอย่างการจูบนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการลดระดับฮอร์โมนความเครียด และเพิ่มระดับฮอร์โมนความสงบ และหากคุณจูบกัน 20 วินาที หรือมากกว่านั้น สมองจะหลั่งสารเคมีที่ช่วยทำให้สงบและลดระดับความเครียด

จูบลดความดันโลหิตทำให้หัวใจแข็งแรง จูบช่วยขยายหลอดเลือด จึงช่วยลดความดันโลหิตได้ ซึ่งระหว่างการจูบจะมีสื่อประสาทที่ชื่อ เอพิเนฟรีน (Epinephrine) เดินทางเข้าไปในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความดันโลหิตแล้ว ยังทำให้ระดับ LDL (ไขมันไม่ดี) และคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ลดลงได้อีกด้วย

จูบช่วยป้องกันฟันผุ จบจะไปช่วยกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำลาย ซึ่งจะไปช่วยชะล้างคราบพลัคและคราบต่าง ๆ จึงช่วยป้องกันฟันผุได้อีกทางหนึ่ง

จูบช่วยให้รู้สึกตื่นตัว จูบจะไปช่วยกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีน (Adrenaline) และ อะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งนอกจากจะช่วยให้รู้สึกตื่นเต้นเนื่องจากหัวใจเต้นเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัว

จูบช่วยเบิร์นแคลอรี การจูบในเวลา 1 นาที จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ 2-3 แคลอรี แต่ถ้าคุณจูบกันอย่างดูดดื่มเป็นพิเศษจะสามารถช่วยเผาผลาญได้ถึง 6 แคลอรี และยังไปช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึม (Metabolism)

รู้หรือไม่? จูบบอกความหมายภายในใจได้ด้วยนะ

จูบที่หน้าผาก การจูบที่หน้าผาก หมายถึง การแสดงออกถึงความรักความเอาใจใส่และทะนุถนอม ต้องการแสดงออกถึงความรักและเอ็นดูที่เขามีต่อคุณ โดยคนที่จูบที่หน้าผากบ่อย ๆ นั้นจะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็รักสันโดษ ให้อภัยง่าย ๆ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

จูบริมฝีปาก การจูบที่ปากเป็นการแสดงความรักที่ลึกซึ้ง เป็นจูบที่โรแมนติก ถวิลหา แสดงออกอย่างเปิดเผย ต้องการที่จะมอบความรัก ความจริงใจตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ที่อัดแน่นให้คุณได้รับรู้

จูบที่หน้าผาก การที่จูบหน้าผากหรือผมของคุณนั้น หมายถึง เขากำลังคิดถึงความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับคุณ ช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกต่าง ๆ และดีใจที่มีคุณอยู่ ปกติแล้วคนที่ชอบจุ๊บที่หน้าผากบ่อย ๆ จะเป็นคนเข้มแข็งแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

จูบแก้ม ชายหนุ่มที่จูบพวงแก้มของคุณกำลังบอกความนัยว่า “ผมชอบคุณนะ” รู้สึกดีและอยากพัฒนาความสัมพันธ์ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถตีความหมายได้อีกแบบ คือ คิดแบบเพื่อนสนิท ซึ่งชายหนุ่มลักษณะนี้ จะเป็นคนประเภทที่เฟรนด์ลี่คบหาเพื่อนเยอะ เป็นคนสนุกสนานร่าเริง ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเพื่อนฝูง

จูบไซ้ซอกคอ การจูบแบบนี้เขากำลังต้องการเป็นเจ้าของคุณ และเต็มไปด้วยใจปรารถนาจนอยากปลุกเร้าให้คุณรู้สึกตอบสนองในแบบเดียวกัน แต่ถึงจะต้องการคุณมากขนาดนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาฝันจะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับคุณเสมอไปหรอกนะ เขาอาจจะต้องการแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราว หรือต้องการให้คุณหลงรักเขาก็เป็นได้

จูบปาก การจูบปากนั้น หมายถึงหัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อคุณ ต้องการที่จะให้คุณรุ้ว่าเขารักคุณมากและต้องการคุณอย่างยิ่ง

จูบที่มือ จูบแบบสุดท้ายนี้เป็นจูบของเจนเทิลแมน สุภาพบุรุษที่มีลักษณะนิสัยระมัดระวังให้เกียรติผู้หญิง ไม่ทำตัวรุ่มร่ามให้ฝ่ายหญิงสาวรำคาญใจ เป็นจูบที่บ่งบอกว่าเขาให้ความสนใจในตัวคุณ อยากรู้จักอยากค้นหา หรืออีกนัยก็เป็นเพียงการทักทายตามมารยาทเท่านั้น แต่ช้าก่อน..ยังไม่หมดเท่านี้ ชายหนุ่มนักรักจอมเจ้าชู้ก็มักจะใช้วิธีการแบบนี้โลดแล่นตามใจปรารถนาเช่นกัน โดยการแสร้งทำตัวเป็นเจนเทิลแมน ให้สาว ๆ น้อยใหญ่ตายใจไปกับท่วงท่าที่แสนสุภาพอ่อนโยนด้วยการบรรจงจูบเบา ๆ หลังฝ่ามืออย่างอ้อยอิ่ง เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายให้สาว ๆ ใจละลายเลยทีเดียว

จูบที่หลังมือ การจูบที่หลังมือ คือการที่เขาเคารพ หลงใหล น่าค้นหา และให้เกียรติคุณเป็นอย่างมาก ยกย่องและนับถือคุณ พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณเสมอ

จูบใบหู ชายที่จูบใบหูของคุณกำลังสื่อความหลงใหล เย้ายวนและแฝงความต้องการอยู่ภายใน และหากเขาขบใบหูของคุณเล่น เขากำลังหมั่นเขี้ยวและหยอกเย้าคุณด้วยความเสน่หา เป็นคนประเภทที่แสดงออกทางอารมณ์ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็เป็นคนที่น่าคบหาเพราะเขามักจะคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ

ทุกคนสามารถมาร่วมเฉลิมฉลองในวันจูบโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนหรือวัยใด อย่าลืมมาร่วมส่งมอบความสุขและความรักผ่านการจูบกันนะคะ…

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.nanitalk.com และรูปภาพจาก Freepik