ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ 10 รัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามี ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนทำการบ้านมาดี ข้อมูลแน่น และเรียบเรียงประเด็นได้น่าสนใจ
คนแรกคือ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ยำใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับการใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองทองคำอัครา จ.พิจิตร ทั้งที่ทีมงานและฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล ออกมาเตือนว่าไม่มีหลักฐาน หรือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้วัดผลกระทบทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่จะต้องใช้ ม.44 สั่งปิดเหมือง
หลังจากสั่งปิดเหมืองไประยะหนึ่งแล้ว ยังมีการแจ้งเตือนเป็นหนังสือให้นายกฯ รีบสั่งเปิดเหมือง เพราะไม่เช่นนั้นความเสียหายจะลุกลามบานปลาย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีโอกาสแพ้คดีสูงในชั้นอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เอาเป็นว่าหากไทยแพ้คดี! ถ้าบ้านเมืองนี้ “กฎหมายยังเป็นกฎหมาย” ไม่สองมาตรฐาน! พล.อ.ประยุทธ์จะติดคุกและถูกยึดทรัพย์อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีใครกลั่นแกล้ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ทำตัวเอง
คนที่ 2 คือ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มีการแฉเส้นทางการไปเบิกเงินสดจากธนาคารหลายครั้ง ตั้งแต่ครั้งละ 50 ล้านบาทขึ้นไป แถมยังมีเงินไหลไปเข้าบัญชีอดีตนักข่าว 19 ล้านบาท
งานนี้เล่นเอานายจุรินทร์ได้คะแนนโหวตอยู่ในอันดับบ๊วย! โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา 3 คน ลงมติงดออกเสียง ซึ่ง 1 ใน 3 คนที่ว่าคือ นายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้เหตุผลว่านายจุรินทร์ชี้แจงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากนายจุลพันธ์เคยเป็นรอง ผอ.อคส. จึงทราบข้อมูลเชิงลึก ตอนแรกจะลงมติไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำ แต่เพื่อรักษามารยาท จึงแค่งดออกเสียง
คนที่ 3 นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กรณีจะมีมุบมิบต่อสัญญาโครงการร่วมลงทุนน้ำประปาปทุมธานี-รังสิต ระหว่างเอกชนกับการประปาส่วนภูมิภาคออกไปอีก 20 ปี ทั้งที่ยังไม่หมดสัญญาเดิม ส่อว่ารัฐจะเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีการย้ายคนที่เข้าไปขวางทางเรื่องดังกล่าว แต่เมื่อถูกอภิปรายในสภา ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องรีบหาทางลง ว่ายังไม่คิดเปลี่ยนแปลงสัญญา
คนที่ 4 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่อง “ตั๋วช้างภาค 2”
คนที่ 5 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวกับการทุจริตงานก่อสร้างในกองทัพ กล่าวหามีการปล่อยให้เอกชนเข้าไปทำงานล่วงหน้า ก่อนมีการประมูลสัญญาจริง แต่รีบยกเลิกสัญญา 1 วันก่อนมีการอภิปราย ซึ่งเรื่องนี้เหมือนกับหน่วยงานยุติธรรมบางแห่ง ที่ให้พรรคตัวเองเข้าไปทำงาน ก่อนจะมีการประมูลงาน
คนที่ 6 นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เรื่องการซุกหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) โดยขายหุ้น-ซุกหุ้นให้เพื่อน แล้ว หจก.ดังกล่าวก็มารับงานในกระทรวงคมนาคม
การอภิปรายไม่ไว้วางใจเที่ยวนี้ นอกจากถล่มเรื่องทุจริตแล้ว ยังมีแฉเรื่องการแจก “กล้วย” ให้ ส.ส.พรรคเล็กเป็นรายเดือน มูลค่าคนละ 100,000 บาท โดยคนกันเองแฉกันเองว่ารับกล้วยในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กฯ แล้วทำไมจึงไม่ไปแจกกล้วยกันในที่ทำการพรรคพลังประชารัฐล่ะ?
ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ “ป.ป.ช.-กกต.” จะกอบกู้ภาพลักษณ์องค์กรตัวเอง ด้วยการเข้าไปจัดการเรื่อง “กล้วย” และกรณีพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก เพื่อทำการเมืองที่สกปรกในช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ให้สะอาดขึ้นเสียที!!
——————–
พยัคฆ์น้อย
