สารภาพตรง ๆ ตอน รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร เป็น กกต. แล้วลงภาพโพสต์คู่ “หอเอน” แห่งเมืองปิซา อิตาลี พร้อมแคปชั่น เอียงเพื่อชาติ หรือตอนมวลหมู่ กปปส. ขวางเลือกตั้งแล้วบอก คือประชาธิปไตย รับไม่ไหวจริง ๆ เลิกศรัทธา เลิกนับถือกันแต่นั้น แต่พอถูกปลดฟ้าผ่าจาก กกต. กระทั่งมาอยู่พรรค “เสรีรวมไทย” ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส การแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง ยึดหลักการ มุ่งถนนสายประชาธิปไตย ก็ลองเป็น FC อีกรอบ ไม่ผิดหวัง แซ่บซ่าส์ ขยันค้นเอกสาร ครบเครื่อง เพราะเคยเป็นเลขาฯ ครป. นักวิชาการ อดีต กกต. และนักการเมือง
เช่น ก่อนคำวินิจฉัยศาล รธน. กรณี 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมา ก็สู้ไปค้นเอกสารการประชุมของ กรธ. ที่ชั้น 9 อาคารกลางรัฐสภา เพื่อให้เห็นกับตา แล้วรายงานสู่สาธารณชนว่า เอกสารมี copy เดียว เย็บปกแข็งทั้งหมด 11 เล่ม เป็นบันทึกครั้งที่ 1-485 หนักเล่มละ 3 กก. (ขว้างหัวคนแตกเอาง่าย ๆ) เล่มที่ฮือฮาคือ “เอกสารหลุด” เป็นปกอ่อนสีเหลือง บันทึกการประชุมครั้งที่ 486-501 แยกไว้ต่างหาก โดยที่สุด คือบอกความไม่อยู่กับร่องกับรอย ของพ่อมดเนติบริกร มีชัย ฤชุพันธุ์ จนเสียผู้เสียคน ถูกหาว่าส่งหลักฐานเท็จให้ศาลเป็นข่าวดังไปทั่ว สุดยอดเลย
เสียดายเงินภาษีเกือบร้อยล้าน สุมหัวประชุมตั้ง 501 ครั้ง มีเอกสารถึง 12 เล่ม น้ำหนักรวม 36 กก. แต่ที่สุดบอก “เจตนารมณ์ รธน. เรื่อง 8 ปี” ไม่ได้ กลายเป็นแค่ “แนวคิดลอย ๆ” ของคนร่าง แล้วจะมี กรธ. ไว้ทำไม นี่มัน ลับลวงพราง สมรู้ร่วมคิดปล้นอำนาจ หรือแค่ไม่รอบคอบ ใครบอกได้
กลับมาที่ คำวินิจฉัยศาล รธน. มติ 6 ต่อ 3 ที่จริง 5 ต่อ 1 ต่อ 3 คือ 5 เสียงให้นับปี 2560 มี 1 เสียงให้นับปี 62 และ 3 เสียงให้นับย้อนปี 2557 สรุป เสียงส่วนใหญ่ให้นับอายุนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ รธน. เริ่มใช้ปี 60 จะครบ 8 ปีในปี 2568 หรืออีก 2 ปี จันทร์ที่ผ่านมา จึงได้เห็นนายกฯ กลับทำเนียบ ลุยตรวจน้ำท่วมอุบลฯ อุดรฯ ห้ามคนยกป้ายเชียร์ สร้างภาพ “นิวตู่” กับโพสต์ข้อความ เวลาที่เหลือน้อยจะลุย “กลยุทธ์ 3 แกน” ที่แถลงการณ์ไว้ก่อนหน้า (ย้อนดูข่าวเก่าบอกขอ 2 ปี เอ๊ะ หรือรู้ข้อสอบล่วงหน้า) หรือบอกเป็นนัย มุ่งอยู่ต่ออีก 2 ปี?!? แต่ เอ้อ จะให้ใช้ “วิทยุทรานส์ซิสเตอร์”
แต่นั่นล่ะ ข้อกฎหมายถือว่ายุติแล้ว แม้จะทิ้งร่องรอยให้วิจารณ์คำวินิจฉัยบานตะไท ขณะทางการเมือง แค่เริ่มต้นบทใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ และประเทศชาติ จะไปทางไหน ภายใต้บริบท ยังไม่เกิดม็อบใหญ่ยักษ์ ทุกคนหวังไปเลือกตั้ง จะโดยยุบสภาหลังเอเปค หรือ 7 พ.ค. 66 ก็ตาม
เรื่องนี้ บทวิเคราะห์ของ รศ.สมชัย ที่ไปพูดใน “VOICE TV” ก็แหลมคมมาก สรุปสั้น ๆ
1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอนเป็นรักษาการนายกฯ ทำหน้าที่ได้เข้าท่า ต่อไปคนจะเอา “ลุงตู่” มาเปรียบเทียบตลอด 2.พล.อ.ประยุทธ์คือสินค้ามีวันหมดอายุแล้ว ต้องประเมินว่าจะไปต่อหรือไม่ ถ้าหยุดก็จบ แต่ถ้าไปต่อ ภายใต้เงื่อนไขนี้ จะชนะเลือกตั้งหรือไม่ ตอนนี้ถือว่าบอบช้ำมากขึ้น สู้ต่อไปจะยิ่ง “ดาวน์เกรด” ตัวเอง (วีระกร คำประกอบ เสนอให้เป็นรองนายกฯ กับ รมว.กลาโหม กันแล้ว)
3.เพื่อไทยจะ “แลนด์สไลด์” มากขึ้นอีก เพราะมีเป้าให้เล่นชัดเจน คนจะเทไปเลือกแบบถล่มทลาย จนน่ากังวลว่า เสรีรวมไทย ก้าวไกล จะถูกกระทบด้วย 4.หากศาล รธน. วินิจฉัยว่า 2 กฎหมายเลือกตั้งที่ค้างอยู่ขัด รธน. กฎหมายจะตกไปทั้ง 2 ฉบับ ต้องเริ่มต้นใหม่ ซึ่งไม่ทัน รัฐบาลอาจฉวยโอกาสกลับไปใช้กติกาเลือกตั้งแบบปี 62 มีบัตรใบเดียว เกิด ส.ส. ปัดเศษ และพรรคเล็กพรรคน้อยอีก แต่จะมายังไง กติกาไหน ประชาชนจะรู้ทันหมด และจะหาวิธีการตอบโต้ทุกกติกา เพื่อใช้พลังของตัวเอง ใช้บัตรเลือกตั้ง เปลี่ยนประเทศให้ได้
ประเด็นนี้ขอมองโลกสวยตาม ไม่ดูถูกประชาชน
สุดท้าย รศ.สมชัย บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ระบบยุติธรรมของประเทศพังพินาศหมด แม้จะลาออกหลังจากนี้ ความหวังก็ไม่กลับคืนมา ประเทศชาติลงทุนกับเรื่องนี้มากเกินไป คำวินิจฉัยเมื่อ 30 ก.ย. ทำให้สังคมหมดความไว้วางใจองค์กรหลักของบ้านเมือง ซึ่งถือว่าเสียหายมากที่สุด
ก็ขอให้ รศ.สมชัย รักษาจุดยืน และอุดมการณ์ ดุจเกลือรักษาความเค็ม เป็นสมชัยที่ไม่เอียงแบบหอคอยเมืองปิซาอีก เพราะพวก “หอเอน” ทั้งหัวหงอกหัวดำ มีเต็มบ้านเต็มเมืองพอแล้วล่ะ
—————————–
ดาวประกายพรึก
