ถ้าพูดถึงชื่อ Resident Evil ขึ้นมา เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะนี่คือซีรีส์เกมสยองขวัญเอาตัวรอดที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ PS1 จนถึงบัดนี้ก็เป็นเวลา 25 ปีเเล้ว ในที่สุดหลังจากที่วกวนไปหากินกับการ Remake ภาคเก่าอยู่หลายปี ในที่สุด Resident Evil Village ในที่สุดมันก็ออกมาสักที มาดูกันว่าการสานต่อเเนวทางของ Survival Horror ของซี่รีส์นี้จะเป็นยังไง ไปดูกันได้เลยครับผม

STORY

3 ปีหลังจากเหตุการณ์ฝันร้ายที่บ้านตระกูล Baker Ethan Winter ได้ออกเดินทางอีกครั้งโดยมีเป้าหมายในการหาลูกสาว Rosemary ที่ถูกพาตัวไปโดย Chris Redfield เรื่องราวทั้งหมดจบลงเมื่อ Ethan มาถึงหมู่บ้านเเห่งนึงที่เชื่อว่าลูกสาวของเขาได้ถูกพาตัวมาอยู่ที่นี่ เเม้ว่าที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว เเละเรื่องราวลี้ลับมากมาย เเต่เป้าหมายเดียวของคนเป็นพ่อก็คือการนำตัว Rose ลูกสาวของเขากลับมาให้ได้ไม่ว่าจะจะต้องเเลกด้วยอะไรก็ตาม

เเม้ว่าภาคนี้จะเป็นเกมภาคต่อ เเต่ด้วยความที่ภาคที่เเล้ว มันไม่ได้ทิ้ง clue เกี่ยวกับภาคนี้ไว้อะไรไว้มากนัก เลยทำให้ภาคนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องราวใหม่ เเต่การรูปเเบบเล่าเรื่องก็ยังคงเหมือนกับภาคที่เเล้วที่ผู้เล่นจะถูกโยนเข้ามาในหมู่บ้าน เเบบไม่รู้เรื่องรู้ราวโดยที่คุณจะไม่มีทางไม่เข้าใจว่าในหมู่บ้านมันเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจว่าไอ้สัตว์ประหลาดพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าคุณอยากรู้คุณต้องออกสำรวจ เเต่ตัวเกมมันจะไม่เผยออกมาเเบบตรงๆ เเต่จะเล่าผ่านตัวเอกสาร ผ่านตัวละคร หรือเเม้เเต่ฉาก cut sence ต่างๆ ให้ผู้เล่นได้ลองปะติดปะต่อเเละเเก้ปมปริศนากันเอง ข้อดีการเล่าเรื่องเเบบนี้คือ มันช่วยทำให้เนื้อเรื่องมันน่าติดตาม ดูลึกลับมีอะไรให้ค้นหา เเม้ว่า plot เรื่องมันจะดูธรรมดา เเละไม่ได้ซับซ้อนอะไรเท่าไร

อีกเรื่องนึงที่ถือว่า ภาค Village ทำไว้ได้ดีมาก คือ การสร้างปมคำถามให้กับผู้เล่นตามเเบบฉบับของ Resident evil โดยตลอดทั้งเกมจะมีคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของผู้เล่นเสมอ ถ้าจะมีอะไรที่น่าเสียดายหน่อยก็คือการเฉลยปมที่บางปมนั้น ทำออกมาแบบง่าย ๆ เกินไปหน่อย เเต่บอกได้เลยว่าในภาคนี้จะมีปมคำถามพีคๆ หรือการพูดถึงตัวละครและอะไรบางอย่าง ที่แฟนเกมนี้เห็นแล้วต้อง WTF กันเป็นแถว ๆ เเน่นอน 

โดยรวมเเล้วมันก็ยังเป็นเกมที่เนื้อเรื่องยังคงน่าติดตาม ถึงจะยังมี plot hole เเละอะไรที่มันไม่ make sense อยู่บางเเต่ก็ถือว่าทำได้ตามมาตราฐานของเกม AAA เเม้คุณจะไม่ได้เล่นภาคก่อนหน้ามาก็ยังสนุกได้ เเต่ ถ้าใครอยากอินมากกว่านี้กลับไปเล่น กลับไปดู Resident Evil ภาคที่ 7 เเล้วมาเล่นภาคนี้ผมรับประกันเลยว่าจะว้าวยิ่งกว่าเดิมเเน่นอน

Game Design

เเม้ว่าเกมจะนิยามตัวเองว่าเป็น Survival horror เเต่หลังจากที่ได้ลองเล่นเเล้ว บอกได้เลยว่า ตัวเกมยังสอดเเทรกความเป็น Action รวมถึง Pure Horrorได้อย่างลงตัว เเละสื่อสารออกมาตามเเบบของ Resident Evil ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ธีมของเกมจะมีฉากหลักๆอยู่ที่หมู่บ้านแถบยุโรปตะวันออก โดยหมู่บ้านทำหน้าที่เป็นเสมือน hub ตรงกลางเเล้วจะมีทางเเยกเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจพื้นที่ เเรกๆเราจะวนวนอยู่ในหมู่บ้านเเต่เมื่อผ่านจุดๆนึงไปเเล้วเกมก็จะปลดล็อกพื้นที่ใหม่ๆมาเรื่อยๆ สำหรับ lord ทั้ง 4 หรือ boss เเต่ละตัวก็ ออกเเบบมาได้หลากหลาย มีเอกลักษณ์ เเละหลายตัวเป็นที่น่าจดจำเเต่ไม่ได้มีความน่ากลัวตามเเบบฉบับของ Resident Evil เท่าไร ยกตัวอย่างง่ายๆ ฉากการไล่ล่าระหว่าง เจ๊ Acina กับ Ethan ในปราสาท สำหรับผมรู้สึกว่า Jake Baker ในภาคที่เเล้วยังน่ากลัวกว่า ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง Nemesis เลยรายนั้น รายนั้นขึ้นหิ้งไปเเล้ว (เเต่ต้องเป็นภาค original นะ ภาค remake อย่างไปพูดถึงมันเลย)

เเม้ว่า Boss มันไม่ได้น่ากลัว “เเต่จะมาบอกว่าเกมนี้ไม่น่ากลัวไม่ได้” ทั้งฉากทั้งบรรยากาศ ทั้งเสียงเพลง เสียง ambient มันทำให้ยังผมระเเวงได้ตลอด เเม้ว่าภาคนี้เราจะเปลี่ยนจากการอยู่ในบ้านเล็กๆ เป็นการมาเดินสำรวจหมู่บ้านใหญ่ๆเเต่ก็ความน่ากลัวก็ไม่ได้ลดลงเลย เเค่เปลี่ยนเเนวทางในการนำเสนอความหลอนใหม่เท่านั้นเอง

ในส่วนอื่นก็ถือว่าปิดจุดเฟลของภาคเก่าไปได้เยอะ ทั้งความยากใหม่ โหมดใหม่ ความท้าทายใหม่ มันทำให้เกมน่ากลับไปเล่นซ้ำมากขึ้น ด้านการออกเเบบ puzzle มันก็ได้ไม่สิ้นคิดเเบบในภาคที่เเล้ว เเล้วบางปริศนามันก็ไม่ได้ทำเพื่อหาสมบัติอย่างเดียว มันทำเพื่อหาทางไปต่อด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะพัฒนาได้ดีกว่าเดิมเเล้ว  ยังเเสดงให้เห็นถึงความใส่ใจะหว่าง Capcom กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี

พูดถึงจุดเฟลไปเเล้ว ถ้าไม่พูดถึงจุดที่เฟลที่สุดของภาคที่เเล้วอย่าง “การเลือกฉากจบ” เห็นทีก็คงจะไม่ได้ บอกเลยว่าภาคนี้ไม่มีอีกเเล้ว ฉากจบภาคนี้จะมีเพียงฉากเดียว เเล้วก็ทำได้ลึกซึ้งเเละกินใจมาก เเถมยังทิ้งปมปริศนาใน end credit ไว้ให้เราได้ไปสานต่อได้อีกด้วย การทำฉากจบเเบบนี้นอกจากจะให้เรื่องเดินต่อไปได้ง่ายเเล้ว มันยังทำให้เนื้อเรื่องเเละ ตัวละครโดยเฉพาะตัว Ethan มันมีความหมายมากขึ้น นี่สิเขาถึงเรียกฉากจบที่ดีไม่ใช่อะไรก็ไม่รู้เเบบภาคที่เเล้ว

Gameplay

แม้ว่าภาคนี้จะเป็นการสานต่อ First Person แต่มันก็ไม่ได้หยุดกับที่ ในภาคนี้ Ethan จะเก่งขึ้นจากภาคที่แล้ว เพราะพี่คริส คนต่อยหินฝึกมาให้ แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่นต้องบอกเลยว่า First Person เกมนี้มันไม่มีเหมือนเกมอื่น แม้ว่าจะมีการพยายามทำให้คล้ายก็ตาม…

การบังคับและการเคลื่อนไหวต่างๆก็ยังคงเป็นเหมือนภาค 7 ทำได้มากกว่าภาค 7 นิดหน่อยก็คือ เมื่อการ์ดรับดาเมจเเล้วจะผลักหรือถีบศัตรูออกไปได้ ด้วยระบบนี้ทำให้มันให้ช่วยนอกจากจะช่วยให้ความเป็น Survival Horrorยังคงอยู่ แล้วมันยังทำให้ กลิ่นอายของ Action Horror แบบในภาค 4 ได้กลับมาอีกครั้ง เเต่ในเมื่อเราเก่งขึ้นแล้ว เกมก็จัดศัตรูมาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเช่นกัน ต้องบอกเลยว่าศัตรูทุกตัวในภาคนี้มันไม่ได้อึดเพียงอย่างเดียว มันฉลาด มันว่องไว บางทีน่ารำคาญ แล้วมันก็พร้อมที่จะทำให้คุณ Panic ได้เสมอ เเล้วคุณจะรู้ซึ้งเลยว่า การตะเกียดตะกายเอาตัวรอด เเบบ up close ในภาคที่ 7 มันเป็นยังไง

ส่วนระบบอื่นๆที่ยกมากจากภาค 4 ถือว่าทำได้ดีเเละเข้ากับ Theme ของเกมในภาคนี้มากๆ การตัดระบบหีบฝากของออกไปเเล้วแทนที่ด้วยกระเป๋านั้นมันช่วยเพิ่มความยากในการจัดการ item ให้ยากเข้าไปอีกเข้าไปอีก นี่ดีนะที่เขาไม่รวม key item เเละสมบัติเข้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นเราไม่ต้องเเบกอะไรกันเล้วเอาเเต่ key Item เเล้ววิ่งหนีอย่างเดียว อีกนึงระบบที่ผมชอบเลยคือ ระบบการพัฒนาตัวละคร ในภาคนี้จะไม่ได้มีแค่การอัพเกรดปืนเท่านั้น แต่มันยังมี การทำอาหารอีกด้วย ซึ่งการที่เราทำอาหารได้นั้นเราจะต้องไป ล่าสัตว์ ที่มีอยู่ตาม map เสร็จเเล้วก็กลับมาให้ The Duke หรือพ่อค้าทำอาหารพอทำแล้วเราก็ได้ Perkต่างๆไว้ช่วยในการเล่น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การเล่นมันง่ายขึ้นแล้ว มันยังถือว่าเป็นรางวัลให้กับคนช่างสำรวจอีกด้วย

พูดถึงพ่อค้าแล้ว ก็ขอพูด “ระบบร้านค้า” ต่อเลยเเล้วกัน ระบบการซื้อขายในภาคนี้จะเหมือนกับภาค 4 แบบเป๊ะๆ The duke จะมีกระสุนขายให้ แต่จะมีให้อย่างจำกัด ทำให้เราต้องคิดว่าเราจะซื้อหรือเราจะ craft เอง ถ้าซื้อแล้วจะซื้อเท่าไร ซื้อแล้วจะเหลือของใน stock ไว้สู้ครั้งต่อไปไหม ส่วน การอัพเกรดปืน คือเกมจะให้เราอัพไประดับนึง พอปลดล็อกไปอีกพื้นที่นึงถึงจะให้อัพเพิ่มได้ แต่ถ้าเราจะขายแล้วเอาปืนใหม่ก็ต้องเสียการอัพเกรดที่มีไป ด้วยระบบนี้มันทำให้เรานั้นต้องคิด คิดว่าจะจัดการช่องเก็บของยังไง คิดว่าปืนนี้เราควรจะอัพจนสุดเลยไหมหรือว่ายอมทนใช้แบบอัพไม่สุดเพื่อรอของใหม่ ซึ่งนี่คือเสน่ห์จากภาค 4 ที่นำมาใช้ในภาคนี้ สิ่งที่ผมเสียดายอย่างนึง คือการที่เขาตัด ระบบการสลายของจากภาค 7 ออกไป แต่ก็เข้าใจนะว่าถ้าไม่ตัดออกไปมันก็จะทำให้เกมมันง่ายขึ้น แถมมันยังไปลดความสำคัญของ Duke ลงอีกด้วย ถ้าเป็นผมจะยังคงระบบนี้ไว้ แต่ปรับให้ของที่มันได้คืนมันน้อยลง มันจะทำให้ผู้ต้องคิดว่าเราจะสละของดีไหม เเถมเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเราก็ยังที่พอช่วยตัวเองได้ ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ได้สนุกกับเกมได้มากขึ้นด้วย

ส่วนโหมด Mercenaries ที่ใครหลายๆคนคิดถึงมันกลับมาเเล้ว แต่การกลับมาคราวนี้ Mercenaries จะการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเล็กน้อย โดแทนที่มันจะปล่อยให้เราได้เล่นอยู่ในพื้นที่เดียวเหมือนกับเกมในภาคก่อนๆ กลายเป็นการแบ่งเป็น area ย่อยภายในด่าแทน โดยที่ผู้เล่นจะต้องทำคะแนน (จากการกำจัดศัตรูด้วยรูปแบบต่างๆ, การเก็บนาฬิกาเพื่อเพิ่มเวลาให้เหลือมากที่สุด) ใน area ต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาที่กำหนด ซึ่งคะแนนในแต่ละ area ก็จะถูกสะสมมาคิดเป็นคะแนนรวมในแต่ละด่านให้ผู้เล่นได้นำไปซื้อของเเล้วเอากับมาใช้เล่นต่อ ซึ่งถึงแม้มันจะมีการปรับเปลี่ยนไปเเค่ไหน แต่โดยเนื้อแท้ของมันก็ยังคงเป็น Mecenaries อย่างที่มันเคยเป็น ซึ่งสำหรับผมมันก็ยังเล่นได้สนุก ยังท้าทาย ตามเเบบฉบับ Mecenaries เหมือนเดิม

Performance & System

ต้องบอกว่าส่วนนี้คือส่วนที่ผมผิดหวังมากที่สุดถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆที่ผ่านมา ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าสเปกคอมพ์ของผมค่อนข้างที่จะเทียบขั้น Recommend ได้เลยนะ Ryzen 7 4800HS มาพร้อมกับการ์จอ GTX 1660TI , Ram DDR4 3200 16 GB ปรับ High บางอย่าง เปิดโหมด Turbo เล่นยังมีกระตุก ตอนแรกเเต่พอไปดู พี่เอก HeartRocker ที่คอมน่าจะแรงกว่าผมแน่ๆ เล่นคือก็ยังกระตุก ถ้าถามว่ากระตุกที่ส่วนไหนก็คงจะเป็นฉากที่สู้กับลูกสาวทั้งสามของอาเจ๊ Dimitrescu ด้วยความที่ฉากนี้มี particle ของแมลงที่เยอะมากๆ จนเกือบเต็มจอเลยน่าจะทำให้โหลดไม่ทัน ถ้าไม่อยากกระตุกก็ต้องปรับลงเอา แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ผมซื้อคอมมาแพง มันไม่ควรมาเจออะไรเเบบนี้หรือเปล่า

อีกสิ่งนึงที่ชวนทำให้ผมหัวร้อนเลยคือ ในช่วงเริ่มเกมที่เรายังไม่สามารถเซฟเกมได้ ถ้าเรากดหน้าเมนูหรือพับหน้าจอไประหว่างที่เราอยู่ในช่วงนี้เวลาเเล้วโหลดเซฟกลับมา คุณจะไม่ได้ Heal จากน้ำป้าเชงที่คุณราดเอาไว้ ก่อนหน้านี้ซึ่งทำให้การเล่นจากเดิมที่ฉากนี้มันลำบากอยู่เเล้ว ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก 

แต่ส่วนอื่นก็ถือว่าดีตามมาตราฐานเกม Capcom ในภาคนี้ RE Engine พาให้เราได้ไปสัมผัสความงดงามของหมู่บ้านด้วย เทคโนโลยี Ray Tracing ที่ช่วยให้แสงเงาที่สวยงามมากกว่าเดิม ส่วนการ Steaming Texture ที่เป็นปัญหาจากภาคที่เเล้ว ก็ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผ้าหรือผิวหนังก็ทำออกมาได้ละเอียดยิบ แม้กระทั่งรอยเปื้อน รอยเลือด หรืออะไรที่ควรให้ความรู้สึกหนืดเหนอะชวนขยะแขยงก็ทำออกมาได้ดีมาก 

UI ของภาคนี้ก็ถือว่าทำได้เป็นมิตรต่อผู้เล่นมากๆ โดยค่อนข้างดูสะอาดตา และเข้าใจง่ายแถมเวลาปรับกราฟิกเกม ก็จะมีภาพให้ดูด้วยแต่ภาพนั้นค่อนข้างที่จะเล็กไปซักหน่อยถ้าทำให้มันใหญ่กว่านี้จะดีมาก

อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจคือภาคนี้คือการมี Subtitle เเละ Menu เเบบภาษาไทยด้วย คุณภาพการแปลถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหาที่เจอหลัก ๆ เกี่ยวกับภาษาไทยในเกมก็คือ การพิมพ์ตก พิมพ์ผิด และแปลผิดบริบท

ซึ่งประเด็นการพิมพ์ตกหรือพิมพ์ผิดก็คงต้องว่ากันไปตามผิด แต่ในส่วนของการแปลผิดบริบท แปลผิดสรรพนาม แต่เข้าใจว่า ทางค่ายจะไม่มีการนำเกมให้ทีมงานแปลได้เล่นกันก่อน แต่กลับเป็นการส่งเอกสารแปลมาเป็น Text ล้วน ซึ่งตรงนี้จะไปว่าทีมแปลเป็นฝ่ายผิดก็คงไม่ถูกนัก เพราะหลายค่ายเกมก็ทำเช่นนี้เพื่อรักษาข้อมูลในเกมให้เป็นความลับด้วยส่วนหนึ่ง ก็หวังว่าในเกมภาคต่อไปซับไทยจะแปลได้ดีขึ้นกว่านี้

Verdict

สำหรับเกมที่มาสานต่อซีรี่ย์ที่เป็นต้นตำหรับของความเป็น Survival Horror ก็บอกได้เลยว่านี่คือการสานต่อที่ดีมากๆ นอกจากจะมีกลิ่นอายจากของเก่ามาทำให้เราหายคิดถึงเเล้ว Capcom ยังเเสดงให้เห็นเเล้วว่าการผสมเเนวทางใหม่ที่อยากจะเป็นมานานกับความ Old School ที่เป็นอยู่เเล้วได้อย่างลงตัว มันเป็นยังไง เเละผมเชื่อว่ามันจะทำได้เจ๋งยิ่งกว่านี้อีก เเต่ ณ ตอนนี้ก็ต้องบอกเลย Resident Evil Village คือ Resident Evil ที่ดีที่สุด เเละจะเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าชิงรางวัล Game Of The Year อย่างแน่นอน แต่จะได้รึเปล่า รอขอดู God Of War Ragnarok ก่อนละกัน

ชมรีวิวเต็มๆได้ที่นี่ : 


——————————————————————————–
Resident Evil Village Review BY INSIDE THE GAMES
คอมลัมน์โดย Wacther