“หากมีคนมาขอคำปรึกษา..จงแนะแนวทางแก่เขา..ไม่ใช่เข้าไปแก้ปัญหาให้เขา..อย่าบังคับคนอื่นให้คิดเหมือนกับเรา..แค่แนะนำให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเองก็พอ”

เพิ่งจะมีการตัดสินพิพากษาไปกันหมาดๆ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับคดีสะเทือนขวัญสุดสะพรึงอันน่าตกใจและสลดใจ คิดว่าประชาชนหลายคนคงยังจำคดีนี้ได้ดี แม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วกว่า 8 เดือน

โดยเฉพาะชาวอุดรธานีด้วยแล้ว เชื่อว่ายิ่งจะจดจำคดีนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะมันเกิดขึ้นกลางเมือง และยังเป็นจุดที่มันไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ภาพวันนั้นมันติดตาฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

ย้อนกลับไปวันที่ 5 ธ.ค.63 ในช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ที่บริเวณสี่แยกหลังเรือนจำ เขตเทศบาลเมืองอุดรธานี ตรงนั้นการจราจรพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นสี่แยกใหญ่กลางเมือง ในขณะที่รถยนต์และ จยย.หลายคัน กำลังจอดติดไฟแดงตามปกติ

ตอนนั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมา จะมีเจ้าผีร้ายเยื้องกรายเข้ามาประชิด มันชื่อ “อิธิพล อิ่มผึ่ง” อายุ 31 ปี ชื่อเล่น “แจ๊ค” มือเชือดหมูในโรงฆ่าสัตว์ มันได้ขี่ จยย.เข้ามาจอดติดไฟแดงร่วมกับรถคันอื่น โดยที่มีเพื่อนนั่งซ้อนมาด้วย 1 คน

เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ “ไอ้แจ๊ค” ล้วงหยิบมีดปลายแหลมคมออกมาแทงลำคอของเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งซ้อนท้าย จยย.อีกคันอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ขับขี่คนอื่นๆ ที่เห็นภาพเหี้ยมจะจะคาตา

จากนั้นมันเหมือนทุกคนตื่นตระหนกช็อกกับเหตุการณ์ “ไอ้แจ๊ค” ก็พลันเร่งเครื่องบิดรถออกไปจากสี่แยก โดยที่เพื่อนของมันที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยกันก็ตกใจ รีบลงจากเบาะแล้วเดินหนีหายไป

“ไอ้แจ๊ค” ไม่ได้ก่อเหตุแล้วเผ่นไปเฉยๆ เท่านั้น ระหว่างทางที่มันขี่รถไปตามถนนหนทางแถวๆ นั้น ไม่ว่ามันจะเจอใครก็ตาม แม้จะไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้โกรธแค้นกัน มันก็ไม่สนใจชักมีดไล่แทงผู้คนบริสุทธิ์ไปตลอดทาง ระหว่างทางบนถนนเต็มไปด้วยหยดเลือดของผู้เคราะห์ร้าย

สุดท้ายได้พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกๆ พยายามขี่รถไล่ตาม ก่อนจะถีบ จยย.ของมันจนล้มคว่ำ พร้อมกับสกัดกั้นไม่ให้มันหลบหนีแล้วไปไล่แทงใครเพิ่มอีก กระทั่งกำลังตำรวจมาถึง จากนั้นก็สามารถจับกุมสยบคลั่งของมันเอาไว้ได้

มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถานต้องแยกย้ายแบ่งกำลังกันไปช่วยเหลือคนเจ็บทั้งหมด บางคนอาการหนัก บางคนอาการสาหัส บางคนอาการปานกลาง รวมแล้วมีคนเจ็บทั้งสิ้น 6 ราย และที่สำคัญมีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย

ชนวนเหตุของ “ไอ้แจ๊ค” ที่มันคลุ้มคลั่ง มาจากมันเสพยาบ้าและดื่มสุราหนัก เมื่อขี่รถไปจอดติดไฟแดงแล้วเจอเหยื่อสาว ด้วยความที่ประสาทหลอนด้วยฤทธิ์ยานรกกำเริบ จึงชักมีดลงมือทันที จากนั้นก็กลายเป็นอาละวาดคลุ้มคลั่งจนฉุดไม่อยู่ในที่สุด

ส่วนผู้สูญเสียเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกลแท้ๆ คือ น.ส.ชลดา หินคำ อายุ 22 ปี หรือ น้องจูน นศ.ชั้นปี 4 ม.ราชภัฏอุดรธานี กำลังจะจบการศึกษาอีกไม่กี่เดือน และ น.ส.อัญชญา บุญยิ่งยวน อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล

คงไม่ต้องบอกว่าพ่อแม่และครอบครัวของน้องทั้ง 2 คน น้ำตาไหลด้วยความปวดร้าวแทบขาดใจแค่ไหน ทั้งคู่เป็นหญิงสาวน่ารักของพ่อแม่ เป็นความหวังของพ่อแม่ อยู่ดีๆ ลูกสุดที่รักต้องมาถูกพรากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยน้ำมือของไอ้คลั่งที่ไหนก็ไม่รู้

เมื่อแพทย์ได้ตรวจเช็กอย่างละเอียดว่า “ไอ้แจ๊ค” มีอาการทางจิตตามที่มันกล่าวอ้างหรือไม่ ก็ทำให้พบว่าแท้จริงแล้ว มันไม่ได้มีอาการทางจิต รวมทั้งไม่พบประวัติการตรวจรักษาที่ไหนเลย

ทำให้มันถูกตั้งข้อหาหนักทันที 2 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส และกลายเป็นผู้ต้องขังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานีตั้งแต่วันนั้น
 
วันเวลาล่วงเลยมาเกินกว่า 8 เดือน ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อ่านคำพิพากษาว่า เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ทารุณ อำมหิตผิดมนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะรับสารภาพ แต่ก็มิได้เกิดจากสำนึกผิด แต่เป็นเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่มีเหตุบรรเทาโทษที่สมควรจะลดโทษให้จำเลย จึงตัดสินให้……. “ประหารชีวิต”.

ตำรวจชุมชนสัมพันธ์

ตรวจเยี่ยม
พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เดินทางมาตรวจเยี่ยมจุดตรวจหนองตุ้มนก ถนนมลิวรรณ ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว และตรวจคัดกรองบุคคลกลุ่มเสี่ยงจากพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด เข้าพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยมี พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ ผกก.สภ.ชุมแพ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ชุมแพ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ก่อนมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับเจ้าหน้าที่ประจำจุด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และได้กำชับการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง มีการป้องกันตนเองตามมาตรการที่สาธารณสุขกำหนด.

มอบอุปกรณ์ป้องกันโควิด
พล.ต.ต.อุทัย​  กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็นประธานพิธีมอบอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ​ไวรัสโคโรนา ​(Covid-19)​ เช่น​ เจลแอลกอฮอล์​, ถุงมือยาง​ และชุด​ PPE ให้กับ​ พงส.​ในสังกัด​ ภ.จว.เพชรบุรี​ เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตรวจที่เกิดเหตุ โดยให้​ หน.พงส.สภ.ทุกแห่งในสังกัด เป็นผู้แทนรับมอบแล้วนำไปแจกจ่า​ยกับ​ พงส.​ ผู้ช่วย​ พงส.​ แต่ละ สภ. รวมถึงเจ้าหน้าที่สายตรวจที่ต้องเป็นด่านหน้าในการระงับเหตุ​ จำนวน​ 300​ ชุด โดยมี พ.ต.อ.กานต์​ ธรรมเกษม รอง​ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.ธานินทร์​  ฉัตรเจริญพร รอง​ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.พาณุพงษ์​ ศรจิตติ ผกก.ฝอ.ภ.จว.เพชรบุรี ร่วมพิธี ณ​ หน้าอาคารที่ทำการ​ ภ.จว.เพชรบุรี

ตรวจเข้มแอลกอฮอล์
พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ นำกำลังตำรวจลงพื้นที่ตรวจเข้มร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบริการคล้ายสถานบันเทิง ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ เพื่อป้องกันการลักลอบเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลฮอล์ให้ลูกค้านั่งดื่มภายในร้าน หลังได้รับแจ้งมีพ่อค้าหัวใสฝ่าฝืนคำสั่งทางจังหวัดซึ่งได้มีประกาศให้ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโควิด พร้อมทั้งห้ามนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน ส่งผลทำให้สถานประกอบการหลายแห่ง ได้รับผลกระทบต้องปิดบริการยาวนานหลายเดือน และมีผู้ประกอบการบางร้าน ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจากร้านเหล้า เป็นร้านอาหาร และมีบางแห่งแอบขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ลูกค้านั่งดื่มภายในร้านได้ และมีเด็กเสิร์ฟบริการ โดยบางร้านหัวใส แอบเทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใส่ภาชนะทึบแสง ลักษณะเป็นเหยือกน้ำ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดตามประกาศจังหวัด และตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

พาส่งกลับบ้าน
นี่ สภ.เมืองหนองบัวลำภู ขณะที่ร้อยเวร 20 ปฏิบัติหน้าที่บริเวณโรงพักเมืองหนองบัวลำภู เห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ อายุประมาณ 11 ขวบ เดินทางมาและก็บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าน้อยใจที่คุณยายที่บ้านชอบดุด่า ไม่รู้ว่าหนูน้อยรายนี้จะมีความรู้สึกไม่อบอุ่น จึงได้หลบหนีเดินทางด้วยเท้าเปล่าจากบ้านมาเรื่อยๆ จนพลบค่ำ แวะมาที่โรงพักและบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหนูไม่สบายใจที่โดนคุณยายดุเอา ค่ำแล้วก็เลยอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปส่งที่บ้านหน่อย หลังจากพูดคุยกับหนูน้อย จนหนูน้อยหายความกังวล เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 20 สภ.เมืองหนองบัวลำภู เลยนำหนูน้อยขึ้นรถสายตรวจไปส่งที่บ้านในพื้นที่ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ซึ่งมีระยะทางร่วม 10 กม.พอคุณยายเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพาหลานกลับบ้านด้วยความปลอดภัยและดีอกดีใจ หลังจากคุณยายสาละวนอยู่ว่าหลานสาวตัวเองหายไปจากบ้านจนพลบค่ำ แทบจะบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยว่า ต่อไปนี้จะไม่ดุด่าหลานสาวอีกแล้ว งานนี้ พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู ต้องมีรางวัลให้ลูกน้องชุดนี้แล้วละ เข้าท่าดี ทำดีอย่างนี้ต้องชมกัน ตำรวจไทยหัวใจรับใช้ประชาชน

****************************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป