…ก่อให้เกิด “ปุจฉา” ว่า “อะไรที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดเหตุร้าย ๆ ได้ถึงขนาดนั้น??”ทั้งนี้ กับเหตุการณ์ร้าย ๆ และกับปุจฉาที่ดังเซ็งแซ่นั้น ข้อมูลในทางพุทธศาสนาที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มมานำเสนอในวันนี้…น่าจะเป็น “วิสัชนา” ที่ให้ความกระจ่างได้ และก็ย่อมจะดีหากสังคมพุทธไทยได้ “ตระหนัก-เท่าทัน”…

ในทางพุทธ “กิเลส” คือ “พิษร้าย”…

ต้องตระหนักว่า “ทำให้ก่อเหตุร้าย ๆ”

และก็ต้องเท่าทัน “อย่าให้มันครอบงำ”

ทั้งนี้… “จากกิเลส 3 ชนิดหลัก ได้แก่ ราคะ-โทสะ-โมหะ เมื่อจิตใจถูกครอบงำด้วยกิเลสทั้ง 3 สิ่งที่ว่านี้ จิตจะแสดงออกมาเป็นอุปนิสัย ซึ่งกิเลสที่ว่านี้เป็นกิเลสพื้นฐาน ที่สามารถแตกหน่อแตกออกเป็นกิเลสต่าง ๆ ได้ถึง 16 ชนิด…” …นี่เป็นส่วนหนึ่งจากข้อมูล “กิเลส” ในทางพุทธ…ที่น่าพิจารณา เพราะเป็นไปได้สูงว่า “เรื่องร้าย ๆ” ที่เกิดขึ้นนั้น…

อาจ “ยึดโยงกิเลสที่แตกหน่อ 16 ชนิด”      

ที่คำเรียกขานในทางพุทธคือ “อุปกิเลส 16”

คำว่า “อุปกิเลส” ที่เป็นคำในทางพุทธศาสนา ในบางแหล่งข้อมูลได้อธิบายไว้ว่า… คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ล้วนนำพาให้จิตใจเศร้าหมอง จิตใจขุ่นมัวไม่แจ่มใส ทำให้ใจหม่นไหม้ เป็นสิ่งที่เข้าไปทำให้จิตใจเศร้าหมอง ทำให้ใจไม่สะอาดบริสุทธิ์ หรือ ทำให้ใจเสื่อมทราม ซึ่งทั้งหมดล้วนมีพื้นฐานจากกิเลสพื้นฐาน 3 สิ่ง คือ “ราคะ-โทสะ-โมหะ” ที่ยังสามารถแตกหน่อเป็นกิเลสอื่น ๆ ได้อีกถึง 16 ชนิด ซึ่งรวมแล้วมีคำเรียกว่า “อุปกิเลส 16” โดยกับ 16 กิเลสที่แตกหน่อ ประกอบด้วย…

1.อภิชฌาวิสมโลภะ คือ… ความอยากได้ อยากมี ความละโมบ ไม่รู้จักพอ เห็นแก่ได้ จนลืมตัว, 2.พยาบาท คือ… ความคิดร้าย มุ่งที่จะทำร้ายคนอื่น ถึงขนาดฆ่าคนอื่นเขาก็ยังสามารถทำได้ หรือใครพูดไม่ถูกใจก็คิดตำหนิเขา ซึ่งบางครั้งทำร้ายผู้อื่นไม่ได้ก็หันมาตำหนิตัวเอง หรือทำร้ายตัวเอง หรือแม้แต่ ฆ่าตัวตาย…ก็เกิดได้จากกิเลสนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น…

“ฆ่าผู้อื่น-ฆ่าตัวตาย” นี่ “โยงกิเลส” ข้อนี้

“ฆ่ากันในบ้านแบบยกครัว” ก็อาจจะโยง

ถัดมา…3.โกธะ คือ… ความโกรธ อะไรมากระทบก็โกรธ นี่เป็นกิเลสแตกหน่ออย่างหนึ่งของกิเลสพื้นฐานคือโทสะ, 4.อุปนาหะ คือ… ความผูกโกรธใครพูดอะไรทำอะไรให้โกรธ ก็เกิด แค้น ผูกใจเจ็บ เก็บไว้ ไม่ปล่อย ไม่ลืม เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น มีอะไรกระทบอารมณ์เมื่อใดก็มักจะเอาเรื่องเก่าในอดีตมาคิดรวม, 5.มักขะ คือ… การลบหลู่คุณท่าน การ ปิดบังความดีผู้อื่น ลบหลู่ความดีผู้อื่น หรือเมื่อมีใครพูดถึงความดีของเขาก็ทนไม่ได้ ไม่ชอบ ยกเรื่องไม่ดีมาพูดเพื่อจะว่าเขาไม่ดี

6.ปลาสะ คือ… การตีเสมอ ไม่ยอมให้ใครดีกว่าตน การยกตัวเทียมท่าน, 7.อิสสา คือ… ความ ริษยา เห็นผู้อื่นได้ดีก็ทนไม่ได้ อยากจะได้เหมือนอย่างเขา หรือการที่เห็นว่าใครเขาได้รับความรักความเอาใจใส่ก็รู้สึกน้อยใจ อยากจะได้รับบ้าง ทั้ง ๆ ที่อาจจะมีอาจจะได้มากกว่าเขาแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ยังรู้สึกน้อยใจ หรือรู้สึกทนไม่ได้, 8.มัจฉริยะ คือ… ความตระหนี่ ขี้เหนียว ติดเสียดาย หรือยึดติดในสิ่งของที่ครอบครองอยู่อย่างเหนียวแน่น อยากเก็บไว้ ไม่อยากจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ใคร

อุปกิเลส 16 ถัดมาคือ…9.มายา คือ… เจ้าเล่ห์ หลอกลวง ไม่จริงใจ เช่นใจติเตียนเขาแต่แสดงออกด้วยการพูดชื่นชม หรือแสดงบทบาทตัวเองเกินความจริง, 10.สาเถยยะ คือ… โอ้อวดว่าดีกว่าเขา เก่งกว่าเขา เพื่อให้เขาเกิดอิจฉา เมื่อได้โอ้อวดแล้วรู้สึกมีความสุข, 11.ถัมภะ คือ… กระด้าง ดื้อ ยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ใครแนะนำอะไรก็ไม่รับฟัง, 12.สารัมภะ คือ… การมุ่งแต่จะแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น มุ่งแต่จะเอาชนะ จะพูดจะทำอะไรก็ยึดติดว่าจะต้องเหนือกว่าคนอื่นอยู่ตลอด

13.มานะในมุมลบ คือ… ถือตัว ทะนงตน ปฏิบัติตนไม่เหมาะสมกับชนทั้งหลาย แม้แต่ผู้ที่เป็นบิดา มารดา ครูอาจารย์ มิตรสหาย ก็ไม่เว้น, 14.อติมานะ คือ… ดูหมิ่นท่าน ดูถูกคนอื่น ถือตัวว่าดียิ่งกว่าเขา, 15.มทะ คือ… ความ มัวเมา เช่นหลงว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาว ยังไม่แก่ จะยังไม่ตาย หลงในอำนาจ หลงในตำแหน่ง คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป แล้วทำอะไรที่เกินเหตุ และ 16.ปมาทะ คือ… ความ ประมาท เลินเล่อ ไม่คิดให้รอบคอบ จน ขาดสติ ขาดปัญญา

ทั้งนี้ เหล่านี้คือ “อุปกิเลส 16” ที่มีความยึดโยง-ที่อาจจะเป็น “ปัจจัย” ในการนำไปสู่ “เหตุร้าย ๆ” ต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ซึ่งเรื่องร้าย ๆ หลาย ๆ เหตุการณ์ หลาย ๆ กรณีที่เกิดขึ้นในสังคม ที่เมื่อมีการสืบสาวราวเรื่องแล้วพบว่ามีที่มาจาก “เหตุที่ไม่น่าจะเป็นเหตุ??” ที่กรณีแบบนี้ในยุคปัจจุบันนี้ยิ่งเกิดขึ้นมาก-เกิดกรณีครึกโครมไม่หยุดหย่อนนั้น เมื่อพินิจพิเคราะห์กันลึก ๆ ในทางพุทธศาสนาแล้ว…ก็ “น่าคิดถึงเหตุปัจจัยกิเลส??” ที่ตรงกับคำในทางพุทธศาสนาว่า “อุปกิเลส 16” ที่ก็อาจจะรวมถึงเหตุ “วางยาฆ่า?-ฆ่าต่อเนื่อง?” ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในสังคมไทยในอดีต และล่าสุดก็มีบางคดีที่มีเงื่อนงำที่รอการพิสูจน์??

ที่แน่ ๆ…“กิเลส-อุปกิเลส” คือ “ยาพิษ”

เป็นเสมือน…“ยาพิษที่ซุกอยู่ในจิตใจ”

ถ้าไม่เท่าทัน…พิษร้ายอาจถึงขั้น “ฆ่า”

มัน…“ฆ่าได้แม้แต่เจ้าของจิตใจเอง!!”.