ไมเคิล ซิมาร์ด วัย 48 ปี โฟร์แมนก่อสร้าง จากเมืองเคมบริดจ์ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ก้มตัวต่ำลง และชี้นิ้วไปยังทิศทางที่เขาเห็นฉลามขาวตัวยาว 3 เมตร ว่ายอยู่ในน้ำทะเลใส เพื่อให้คู่ชีวิตของเขา เพนนี อันโตโนกลู วัย 47 ปี วิศวกรโยธา ได้เห็นสิ่งที่เขาเห็นและเธอก็ทำตามหน้าที่ คือควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เล็งไปที่เขาและกดปุ่มแชะถ่ายรูปเขากับฉลาม ซึ่งเธอบอกด้วยว่า นั่นเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า

สามปีที่แล้ว แหลมคอดเคยเกิดเหตุฉลามขาว 2 ตัวทำร้ายผู้คน และยังเป็นการโจมตีมนุษย์รุนแรงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2479 ในจุดท่องเที่ยวยอดนิยม ทางใต้ของเมืองบอสตัน ทำให้การท่องเที่ยวต้องชะลอตัว เพราะชื่อเสียงความร้ายกาจของฉลาม แต่เมื่อเหตุการณ์กลับดีขึ้น ก็เริ่มมีเรือนำนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นเรือเช่าเหมาลำพาชมปลาฉลามแล้ว ยังได้ชมวาฬกับแมวน้ำ ในทริปท่องเที่ยวระยะสั้น

กลุ่มอนุรักษ์ฉลามขาวแอตแลนติก องค์กรวิจัยเรื่องฉลามโดยไม่แสวงผลกำไร เป็นหนึ่งในแกนนำที่โดดเข้ามาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมทั้งยังได้ปรับปรุงศูนย์ฉลาม ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อครอบครัว ในการวิจัยเรื่องประชากรฉลามท้องถิ่น และสร้างศูนย์เพื่อการเรียนรู้อีกหนึ่งแห่ง ในเมืองโพรวินซ์ทาวน์ กำหนดเปิดฤดูร้อนปีหน้า

Associated Press

ส่วนพ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่นในธุรกิจเกี่ยวกับฉลาม พบว่ามีแววไปด้วยดี แม้ยังอยู่ในช่วงแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่บ้างก็ตาม ซึ่งโดยปกติแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละ 4 ล้านคน นำรายได้เข้าพื้นที่มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานได้อีกหลายพันตำแหน่ง

พอล นิดสเวคกี ซีอีโอของสภาหอการค้าแหลมคอด บอกว่า ไม่สามารถระบุออกมาเป็นตัวเลขได้ชัดเจนว่า การท่องเที่ยวเกี่ยวกับฉลามสามารถส่งเสริมเศรษฐกิจ ให้กับพื้นที่ตามแนวชายฝั่งยาว 105 กม.ได้อย่างไร แต่การท่องเที่ยวเติบโตขึ้น และการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นก็ช่วยขยายเวลาของฤดูท่องเที่ยว จนเข้ามาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งอยู่ในช่วงพบเห็นปลาฉลามมากที่สุดด้วย ระหว่างเดือนส.ค. ถึงก.ย.

แม้ชายหาดหลายสิบแห่งต้องปิดชั่วคราวหลายสัปดาห์ หลังพบเห็นปลาฉลามในระยะใกล้ที่สุดก็ราว 9 เมตร จากชายหาดของแหลมคอด นักวิทยาศาสตร์ด้านฉลามบอกว่า จะต้องลงไปสำรวจประชากรฉลาม และติดแท็กเพื่อติดตามในช่วงเดือนพ.ย.นี้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย

ไมค์ บอสลีย์ กัปตันเรือนำเที่ยวดรากอนฟลาย ซึ่งพาสองนักท่องเที่ยวไปชมฉลามเมื่อเดือนที่แล้ว ยังหวังว่าการพาชมฉลาม จะช่วยให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับฉลาม ซึ่งอาจจะมีอยู่ทั่วไป แต่ไม่ใช่โอกาสเสมอไป ที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับฉลามในแบบนี้ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส่วนค่าบริการนำนักท่องเที่ยวชมฉลามอยู่ที่ลำละ 1,600-2,500 ดอลลาร์สหรัฐ ในเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง แต่โอกาสที่จะเห็น ก็ต้องขึ้นอยู่กับรายงานการพบเห็นปลาฉลามด้วย

นับตั้งแต่การโจมตีของฉลามในปี 2561 เจ้าหน้าที่ของแหลมคอดได้ลงทุนเรื่องอุปกรณ์ ในการฝึกเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลความปลอดภัยทางน้ำให้ดีขึ้น และยังรวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า นักท่องเที่ยวชายหาดจะได้รับความปลอดภัย เพราะจำนวนฉลามขาวจะเข้ามาในทะเลแถบนี้มากขึ้น เพื่อล่าและหาอาหาร ด้วยเป็นแหล่งชุกชุมของแมวน้ำ

แต่กลุ่มชาวบ้านที่เป็นห่วง นักท่องเที่ยวหรือแม้กระทั่งกลุ่มต่าง ๆ ก็ได้มาช่วยสร้างกิจกรรมป้องกันโดยไม่แสวงหากำไร ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ทันสมัย เช่น อุปกรณ์ตรวจจับใต้ทะเล ระบบเตือนภัยบนแผ่นดิน และโดรนสังเกตการณ์ ส่วนนักเล่นกระดานโต้คลื่นท้องถิ่นก็ได้เรียนรู้การป้องกันจากการถูกโจมตีของฉลาม เช่น อุปกรณ์ติดตัวส่งคลื่นไฟฟ้า แต่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อฉลาม เพียงแต่ส่งออกไปเพื่อไม่ให้มันเข้ามาใกล้

รัฐแมสซาชูเซตส์ห้ามใช้เลือดชุ่มเป็นเหยื่อล่อฉลามมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งก็หมายความว่า การดำน้ำลงไปในกรงเพื่อดูฉลามเหมือนที่เคยมีในประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และที่อื่น ๆ ที่พบฉลามชุกชุมนั้น ห้ามเด็ดขาดในรัฐแมสซาชูเซตส์ เว้นแต่จะอยู่ห่างชายฝั่งออกไป 5 กม. ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจรัฐ.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP