หากเอ่ยถึงชื่อของบอยแบนด์ระดับตำนานในใจคนไทยอย่าง D2B ดีทูบี ที่ประกอบด้วยสามหนุ่มมากความสามารถทั้ง แดน วรเวช ดานุวงศ์, บีม กวี ตันจรารักษ์ และหนุ่ม บิ๊ก-อภิเชษฐ์ (ปาณรวัฐ) กิตติกรเจริญ เชื่อได้ว่าแฟนๆในยุค 90 ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน เพราะเรียกได้ว่าเขาคือบอยแบนด์แห่งยุค และเป็นเสมือนแสงปลายอุโมงค์ความหวังของวงการเพลงไทยในขณะนั้นที่เราจะก้าวไปสู่เอเชียเลยด้วย แต่แล้ววันเวลาก็ทำให้หนุ่มบิ๊ก ผู้ชายแสนดีและน่ารักของแฟนๆต้องจากไปก่อนวัยอันควร ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ และความน่ารักที่บอกกันปากต่อปากมาจนถึงวันนี้

ว่ากันว่า ความรักของศิลปินและแฟนคลับอาจจะเป็นเส้นคู่ขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน เพราะเมื่อกระแสหมดลง แต่เส้นคู่ขนานนี้ แม้จะเคยโอบกอดและเคียงข้างไปพร้อมกัน ก็อาจจะเบี่ยงหรือย้ายไปทางอื่นก็ได้ มันเป็นวัฏจักรและ “สัจธรรม” ที่ไม่มีใครเลี่ยงได้ แต่คำนี้คงใช้ไม่ได้กับความรักของ “แฟนคลับดีทูบี” ที่มีต่อหนุ่ม “บิ๊ก” หรือสองหนุ่มที่ยังคงโลดแล่นในวงการบันเทิงอย่าง “แดน-บีม” เพราะทุกวันนี้ ผ่านมาหลายยุคสมัยแล้ว แต่เราก็ยังคงได้ยินชื่อของ “บิ๊ก แดน บีม” ในแวดวงเพลงอยู่เสมอ และชื่อของเขาจะ “ไม่มีวันตาย” หากเราทุกคนยังคงพูดถึงเขา พูดถึงความน่ารัก แสนดี มีน้ำใจและความมุ่งมั่นเพื่อแฟนๆของเขาอยู่

วันนี้ yimyim เลยขออาสาพาทุกคนมาย้อนรำลึกถึงหนุ่มบิ๊กกัน เพราะแม้วันนี้เวลาจะผ่านไปกว่า 16 ปีแล้วที่หนุ่มบิ๊กจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2550 แต่เชื่อไหม ว่าไม่มีสักวันเลยที่แฟนๆของหนุ่มบิ๊ก จะลืมเลือนหรือลดความสำคัญของเขาลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นและทำให้คนรอบข้างซาบซึ้งมากขึ้นเท่านั้น มาค่ะมารู้จักหนุ่มบิ๊กกัน

ปาณรวัฐ มีชื่อเดิมว่า อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2525 บิ๊กเป็นบุตรชายคนเดียวของอุดมกับยุพา กิตติกรเจริญ เข้ารับการศึกษาระดับปฐมวัยจากโรงเรียนอนุบาลเทพารักษ์ ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ กรุงเทพมหานคร และเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาควิชาวิทยุโทรทัศน์ สาขาภาพยนตร์ ในชั้นปีที่ 2 บิ๊กเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการประกวดร้องเพลงในโครงการพานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์ ในปี พ.ศ. 2543 โดยใช้เพลง “งมเข็มในทะเล” ของโดม–ปกรณ์ ลัมในการประกวด เริ่มมีผลงานโฆษณา SWENSEN, PEPSI และถ่ายแบบลงนิตยสารวัยรุ่นอย่าง “เธอกับฉัน” ก่อนจะมาเป็นหนึ่งในสมาชิกวง “ดีทูบี (D2B)” ในปี พ.ศ. 2544 บิ๊กมีความสามารถพิเศษในการควงพลองไฟและกระโดดลอดห่วงไฟ ซึ่งเขาเคยแสดงในรายการ สมาคมชมดาว กับ ตี10 ตามลำดับ

โดยตลอดเวลาที่ D2B โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง บอกได้เลยว่าเขาคือที่สุดของยุค ไม่มีใครไม่รู้จักเขาและเขาก็ยิ่งโด่งดังขึ้นเรื่อยๆขณะที่ดีทูบีกำลังโด่งดังถึงขีดสุด หลังจากได้รับรางวัลศิลปินยอดนิยมจาก “MTV Asia Award 2003” ที่ประเทศสิงคโปร์ มาได้ไม่นานก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น ในช่วงเวลา 01.15 น. ของคืนวันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 บิ๊กได้ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 318 หมายเลขทะเบียน วพ 4973 กรุงเทพมหานคร ของตนเพื่อกลับบ้านหลังจากแสดงคอนเสิร์ตเสร็จแต่กลับประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำตกลงไปในคูน้ำที่ถนนศรีนครินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ จึงนำส่งโรงพยาบาล มีน้ำครำท่วมปอดแต่การรักษาเป็นไปได้ด้วยดีเมื่อบิ๊กรู้สึกตัว ก็สามารถทักทายแฟนเพลงได้อีกครั้ง ก่อนกลายเป็นฝันร้ายเมื่อเขาเข้าสู่อาการโคม่าก่อนแพทย์ตรวจพบเชื้อรา Scedosporium ในสมองในวันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2546 ซึ่งโอกาสรอดชีวิตมีเพียง 0.01% เท่านั้น หลังจากนั้นทางครอบครัวได้เปลี่ยนชื่อเขาเป็น ปาณรวัฐ ซึ่งเป็นชื่อขอพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร มีความหมายว่า “ผู้มีชีวิตอยู่ตามคำขอ” เพื่อเป็นศิริมงคล ภายหลังการรักษาด้วยวัคซีนเฉพาะโรคและได้รับกำลังใจอย่างมากมาย บิ๊กรอดชีวิตและออกจากห้องไอซียูในเวลาต่อมา แต่กลายเป็นเจ้าชายนิทราซึ่งสร้างความเศร้าโศกแก่แฟนเพลงอย่างแสนสาหัส จึงเกิดปรากฏการณ์พับนกกระดาษส่งกำลังใจให้กันทั่วประเทศ

โดยทางทางต้นสังกัด คือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้จัดคอนเสิร์ตพิเศษในชื่อ “ดีทูบี เดอะ เนเวอร์-เอ็นดิ้ง คอนเสิร์ต : ทริบูต ทู บิ๊ก ดีทูบี” ขึ้นในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2547 ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเป็นการระลึกถึงบิ๊ก และถือเป็นการยุติวงดีทูบีไปในตัว โดยรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ได้มอบให้ครอบครัวของบิ๊ก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วย ส่วนอาการของบิ๊กเบื้องต้นยังเป็นไปได้ด้วยดี ยังมีความรู้สึกตัวดี แต่ไม่นาน ก็ต้องนอนโดยไม่รู้สติ เพราะสมองถูกเชื้อโรคที่มาจากน้ำเน่าในคูทำลาย แฟนคลับที่ทราบข่าวซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นหญิง ต่างพากันไปเยี่ยมเยียนและร้องไห้เป็นกลุ่มจำนวนมากกลุ่มหนึ่ง การรักษา คณะแพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตบิ๊กด้วยการให้ยาและผ่าตัดอยู่หลายครั้ง รวมถึงยาตัวใหม่ที่เพิ่งมีการผลิตออกมาด้วย แต่ก็ทำได้เพียงช่วยไม่ให้เสียชีวิตเท่านั้น แต่สมองก็ยังไม่รับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น ได้ย้ายที่รักษาไปหลายแห่ง และต้องนอนรักษาตัวอยู่นานถึง 4 ปี โดยมี น.พ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งคณะแพทย์ผู้รักษาได้เปิดแถลงข่าว ความคืบหน้าของอาการเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งเวลา 09.30 น. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2550 บิ๊กเสียชีวิตลงในที่สุด ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดทางปอด รวมอายุได้ 25 ปี กับ 1 สัปดาห์ หลังเป็นเจ้าชายนิทราจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ถึง 4 ปี ต่อมา ศิลปินค่ายอาร์เอสกับศิลปินค่ายกามิกาเซ่ รุ่นบุกเบิกและแฟนคลับทั่วประเทศต่างก็มาร่วมไว้อาลัย บิ๊ก เป็นจำนวนมากครั้งสุดท้าย โดยทางสำนักข่าวสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีหรือช่อง 9 เดิม กล่าวว่า บิ๊กเป็นผู้ป่วยชาวไทยคนแรกของเอเชีย ที่ป่วยเป็นเชื้อราร้าย Scedosporium จึงเป็นข่าวดังที่สนใจไปทั่วโลกเป็นอย่างมากในช่วงเวลานั้น

ต่อมาพิธีศพของบิ๊กถูกจัดขึ้นที่ ศาลา 3 วัดหนามแดง (จังหวัดสมุทรปราการ) (ซึ่งเป็นศาลาที่ใช้ทำบุญวันเกิดบิ๊กตลอด 4 ปี ที่เป็นเจ้าชายนิทรา) โดยมีการสวดอภิธรรม 7 วัน ก่อนจะมีพิธีบรรจุศพ ซึ่งครอบครัวกิตติกรเจริญ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานพวงมาลาหน้าศพ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพวงมาลา และทรงเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรม 7 วัน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประทานพวงมาลาหน้าศพ และตลอดระยะเวลา 100 วันที่ได้มีการบรรจุศพของบิ๊ก จะมีการสวดพระอภิธรรมทุกวันพระใหญ่ โดยจะมีแฟนคลับและผู้ที่มีความผูกพันกับบิ๊กไปร่วมงานเสมอ วันทำบุญครบรอบ 50 และ 100 วันก็มีการถวายภัตตาหาร และทำบุญร่วมกัน ซึ่งจะมีคนมาร่วมงานมากกว่าปกติ วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นวันสวดอภิธรรมวันสุดท้าย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับไว้ในพระราชานุเคราะห์ และครอบครัวกิตติกรเจริญก็ได้รับพระมหากรุณาสูงสุด เมื่อได้รับพระราชทานเพลิงศพจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ราชกัญญาเสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551 โดยตลอดวันมีผู้คนเป็นจำนวนมากมาร่วมไว้อาลัยบิ๊กเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีหลายคนที่ปักหลักอยู่ที่วัดหนามแดง จนกระทั่งได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ทางวัดหนามแดงว่าศพได้เผาหมดแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

จากนั้นในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2551 ครอบครัวและคนใกล้ชิด ได้นำอัฐิของบิ๊กไปลอยอังคารที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แม้ทุกวันนี้บิ๊กจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่แฟนคลับ และคนใกล้ชิด ก็ยังแวะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวกิตติกรเจริญเสมอ โดยมีงานทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเสียชีวิตในวันที่ 9 ธันวาคมของทุก ๆ ปี โดยมีแดน-วรเวช ดานุวงศ์ และบีม-กวี ตันจรารักษ์ มาร่วมงานทำบุญนี้ด้วยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้

นับเป็นเวลารวมกว่า 16 ปีแล้วถ้านับถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่จะถึงนี้ที่แฟนๆจะรวมกันไปทำบุญและระลึกถึงหนุ่มบิ๊กกัน ซึ่งเป็นภาพแห่งความรัก ความผูกพันและคำว่า “ครอบครัว”ที่แท้จริงที่เราได้เห็นตลอดมา

แม้วันนี้จะไม่มี “ร่างกาย”ของผู้ชายที่ชื่อว่า “บิ๊ก ดีทูบี” อยู่บนโลกใบนี้ให้เราได้เห็นได้ชมเพื่อมอบความบันเทิงและความสำราญให้กับแฟนๆแล้ว แต่ “ความรัก” ของแฟนๆยังคงมีอยู่เพื่อโอบกอดคนในครอบครัวของหนุ่มบิ๊ก ซึ่งก็คือ “พ่อและแม่” ของเขาตลอดไป เพราะคำว่ารักไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยคำพูด แต่แฟนๆของหนุ่มบิ๊กได้พิสูจน์ให้เห็นผ่าน “การกระทำ” แล้วว่าการรักใครแบบไม่หวังผลตอบแทนและรักเพราะรักจริงๆคืออะไร

ด้วยความเคารพและคิดถึง

——————–

คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย yimyim

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bigd2b_fbfc