ถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ อย่าง Apple Tv Plus และ Sony ที่ร่วมกันสร้างภาพยนตร์แนวสงครามแบบอลังการงานสร้าง ด้วยทุนกว่า 200 ล้านดอลลาร์ โดยมีสุดยอดผู้กำกับรุ่นเก๋า อย่าง “ริดลีย์ สกอต” ผู้เคยสร้างสรรค์ผลงานอย่าง Gladiator (2000), Kingdom of Heaven (2005) ไปจนถึงหนังแฟรนไชส์สุดโหดอย่าง Alien ภาคต่าง ๆ มากุมบังเหียนหนังฟอร์มยักษ์ บอกเล่าเรื่องราวของ นายทหารสามัญชน ที่เข้าทำสงครามต่าง ๆ จนได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นผู้นำทางการทหาร ก่อนที่ชะตาจะพลิกผันให้เขาต้องกลายเป็นจักรพรรดิผู้พิชิตดินแดนยุโรป ใน NAPOLEON (2023) จักรพรรดินโปเลียน

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง NAPOLEON นั้น ที่ผ่านมา มีการจัดสร้างไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนเลยที่สร้างได้แบบครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เพราะส่วนใหญ่จะหยิบจับเอาแต่เฉพาะตอนสงครามที่สำคัญมาดัดแปลงให้น่าสนใจ แต่สำหรับ NAPOLEON (2023) จะเป็นการถ่ายทอดการเดินทางขึ้นสู่การครอบครองอำนาจของชายชาติทหาร ที่ประสบความสำเร็จอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต ก่อนจะดำดิ่งปมมืดในชีวิต หลังจากมีการพ่ายแพ้สงคราม การถูกเนรเทศ รวมไปถึงเส้นทางความรักของเขากับ “โจเซฟีน” ม่ายสาวเลอโฉมที่หนุ่ม ๆ หลงใหล และเป็นนางเดียวที่เขาถวายหัวใจให้ตราบจนวาระสุดท้าย

เรื่องย่อ “นโปเลียน โบนาปาร์ต” (รับบทโดย วาคีน ฟินิกซ์) หนุ่มชาวเกาะคอร์ซิกา เข้ารับราชการทหารร่วมกับน้องชาย “ลูว์เซียง โบนาปาร์ต” (รับบทโดย แมทธีว นีดาม) ในฐานะทหารปืนใหญ่ในกองทัพหลวง พวกเขามีตำแหน่งทางทหารสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการปฏิวัติในฝรั่งเศสปี 1789 ซึ่งในเวลานั้น นโปเลียนได้เป็นนายพลที่มีอายุเพียง 24 ปี ด้วยความเป็นคนเด็ดขาดและมีวินัย เขาสามารถจัดการกับกลุ่มกบฏฝ่ายนิยมเจ้าได้อย่างราบคาบ ก่อนจะเอาชนะสงคราม จนกระทั่งพิชิตคาบสมุทรอิตาลีได้ภายใน 1 ปี จนกลายเป็นวีรบุรุษสงครามในฝรั่งเศส หลังจากนั้น “นโปเลียน” ยังได้ขยายอำนาจไปยัง “อียิปต์” กลับมารัฐประหารยึดอำนาจจนกลายเป็น “กงสุลเอก” ก่อนจะปราบดาภิเษกตัวเองขึ้นสู่ “จักรพรรดิ” องค์แรกของฝรั่งเศส ในปี 1804 ความยิ่งใหญของเขาไม่จบเพียงแค่นี้ เมื่อเขาสามารถพิชิต จักรวรรดิรัสเซียและจักรวรรดิออสเตรีย เข้ายึดครองทวีปยุโรปได้อย่างมั่นคง

จุดแข็ง เป็นการนำเสนออัตชีวประวัติบุคคลสำคัญ ที่ตรงไปตรงมาตามเส้นเรื่องประวัติศาสตร์ ฉากการทำสงครามมีความยิ่งใหญ่ดุเดือดเลือดท่วมจอตามสไตล์ “ริดลีย์ สกอต” ผู้ชมจะเห็นภาพของกระสุนปืนใหญ่พุ่งใส่ร่างกายผู้คนแหลกเหลว การรบพุ่งท่ามกลางความหนาวเย็น ยุทธศาสตร์การโจมตีและแผนการรบต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นอย่างน่าสนใจ

เฉพาะฉากสงครามว่าเล่นใหญ่แล้ว แต่ฉากดราม่าชีวิตก็เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน ประมาณ “…ออกศึกข้านึกแต่รบ พอจบศึกข้านึกแต่รัก…” เรื่องนี้ มีบทอิโรติกดาร์ก ๆ แฝงในเนื้อหา ซึ่งแน่นอนว่า “โจเซฟิน” (รับบทโดย วาเนสซา เคอร์บี้) ภรรยาสาวที่ “นโปเลียน” หลงรักชนิดหัวปักหัวปำนั้น สามารถถ่ายทอดบทของสาวใหญ่ กับบทดาร์กอิโรติกได้เป็นอย่างดี ขณะที่ “วาคีน ฟินิกซ์” ในบทแม่ทัพกรำศึกที่มีความเด็ดขาด แต่พอกลับมาบ้าน เขาก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน สุดท้ายก็อยากกลับมานอนออดอ้อนภรรยา ดูเป็นพาร์ทที่มีความคลาสสิกสุด ๆ

Napoleon star slapping Josephine in new film 'romanticises abuse',  campaigners warn
Napoleon movie review: Joaquin Phoenix's frisky French emperor is upstaged  by his Josephine | Evening Standard

จุดอ่อน การเล่าเรื่องให้ครบจบตอนเดียว ย่อมทำให้หนังมีความยาวนานมาก ฉากที่พูดคุยทางการเมือง การเจรจายาว ๆ อาจทำให้ผู้ชมหลับได้ เนื่องจากมีความเนือยสูง ยังดีที่มีฉากสงครามมาคั่นให้ดู ทำให้ตาสว่างเพราะเสียงระเบิดตูมตามจากการยิงปืนใหญ่

4/5 หนังแนวอัตชีวประวัติที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ ดุเดือดในด้านสงคราม งดงามในมุมความรัก (แบบดาร์กๆ) แถมมีมเด็ดให้ไปใช้กันเล่นกันขำ ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉาก “โจเซฟิน” โชว์ของ หรือ ฉากนโปเลียนมุดโต๊ะ เป็นต้น

Ridley Scott On Why He Chose Joaquin Phoenix To Play 'Napoleon' – Deadline
Napoleon' Stares Down $46M Global Opening at Box Office – Deadline

———————————————–

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ SONY PICTURE