ทั้งนี้ แค่ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมาก็ดูจะมีเหตุ “รถยนต์ตกน้ำ” เกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเหตุลักษณะนี้ไม่เพียงนำสู่ความ “เสียหายด้านทรัพย์สิน” เท่านั้น กับหลาย ๆ เหตุที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็ถึงขั้นเกิดการ “เสียชีวิต” โดยมีทั้งกรณีที่เป็นตัวผู้ขับรถเอง และกรณีที่เป็นผู้โดยสารมาด้วยในรถ

“รถยนต์ตกน้ำ-จมน้ำ” นี่ “อันตราย”

ไม่ว่าขับรถเองหรือแค่นั่งก็ “ควรรู้ไว้”

ควรรู้… “วิธีเอาชีวิตรอดจากรถตกน้ำ”

ทั้งนี้ หากจะถามว่า “ถ้าอยู่ในรถที่เกิดเหตุตกน้ำจะมีโอกาสรอดหรือไม่??” กับคำถามดังกล่าวนี้ก็คงไม่อาจจะมีคำตอบแบบฟันธงชี้ชัด ๆ เพราะก็ย่อมจะต้อง “ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของเหตุที่เกิดขึ้น” ด้วยว่า “สภาพการณ์มีความรุนแรงร้ายแรงแค่ไหนอย่างไร??” แต่ถึงกระนั้น…ก็ “มีแนวทางเพิ่มโอกาสเอาชีวิตรอด” หากเผอิญต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยจากเหตุ “รถตกน้ำ” ซึ่งสำหรับแนวทางกรณีดังกล่าวนี้ก็ “รู้ไว้ใช่ว่า…” ศึกษาเรียนรู้เอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร…

เผื่อประสบภัยจะได้ “ใช้เอาชีวิตรอด”

หรืออาจจะได้ “ใช้ช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น”

และสำหรับแนวทางที่สามารถศึกษาเรียนรู้ไว้เพื่อเป็น “คู่มือเอาชีวิตรอด…เมื่อรถตกน้ำ” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลในวันนี้นั้น เป็นข้อมูลโดย กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ให้คำแนะนำไว้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี เมื่อเกิดเหตุ “รถยนต์ตกน้ำ” คือ… 1.กรณีรถเพิ่งจมน้ำ และ 2.กรณีรถจมน้ำแล้วทั้งคัน

คำแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติตัว มีดังนี้…

กรณี “รถเพิ่งจมน้ำ” ในแหล่งข้อมูลคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นระบุถึงการประสบเหตุจนต้องตกอยู่ในสถานการณ์กรณีนี้ไว้สรุปได้ว่า… เมื่อรถตกลงน้ำ สิ่งที่ต้องทำให้ได้อันดับแรกคือ “ต้องตั้งสติให้ได้” อย่าตกใจจนสติหลุด เพื่อจะคิดหาทางออกหรือทางรอดชีวิต โดยเมื่อเกิดเหตุรถตกน้ำ และรถอยู่ในช่วงเพิ่งจมน้ำ ให้ผู้ประสบภัยปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้คือ…

เริ่มจาก “ปลดล็อกประตูรถทุกบาน” และ “ปลดเข็มขัดนิรภัยออก” เพื่อการหนีเอาชีวิตรอด หรือเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในรถด้วย ซึ่งก็มีคำแนะนำถึงวิธีการปฏิบัติตัวในขั้นตอนนี้ไว้ด้วยคือ หากทราบว่ากำลังจะตกน้ำ หรือขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่จะตกน้ำ หรือก่อนที่รถจะตกถึงผิวน้ำไม่ควรรีบปลดเข็มขัดนิรภัยทันทีเพราะเมื่อรถปะทะผิวน้ำศีรษะอาจเกิดการกระแทกบาดเจ็บ หรืออาจหมดสติก่อนได้ จึงควรรอให้การปะทะจบลงก่อนแล้วจึงรีบปลดเข็มขัด

จากนั้น หากรถใช้กระจกแบบมือหมุนก็หมุนเพื่อ “เปิดกระจก” แต่ถ้าเป็นกระจกแบบไฟฟ้าอาจจะเปิดไม่ออก ซึ่งมีคำแนะนำคือพยายามใช้เท้าถีบหรือหาของแข็งทุบกระจกด้านข้างให้แตก โดยไม่แนะนำให้ทำกับกระจกด้านหน้าและด้านหลัง เนื่องจากกระจกจะมีความหนาและแตกยากกว่า ซึ่งทางที่ดีภายในรถก็ควรจะมีอุปกรณ์ทุบกระจกติดเอาไว้ด้วยเสมอ

เมื่อเปิดกระจก-เปิดทางออกได้แล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือ “สูดหายใจให้เต็มที่แล้วดันตัวออกนอกรถ” สูดลมหายใจเข้าให้สุด และค่อย ๆ ดันตัวเองออกจากตัวรถ อย่ามัวห่วงข้าวของมีค่าเพราะการนำตัวเองออกมาให้ปลอดภัยคือสิ่งแรกที่ควรทำ และ หากมีเด็กมาด้วย ผู้ช่วยเหลือควรใช้แขนหนีบตัวเด็กเข้ากับเอว จากนั้นพยายามพยุงตัวขึ้นเหนือน้ำให้เร็วที่สุด ถ้ามีเด็กหลายคนให้ช่วยทีละคน เพราะการพาออกมาพร้อมกันอาจจะทำให้พลาดจนไม่มีใครมีชีวิตรอดได้เลย

หากอยู่ใต้น้ำโดยที่ไม่สามารถหาทิศผิวน้ำได้ ให้ปล่อยตัวลอยขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อทราบชัดว่าเป็นทิศทางผิวน้ำจึงเริ่มออกแรงว่าย โดยเรื่องนี้ต้องเน้นเพราะอาจมีการหลงทิศใต้น้ำเนื่องจากมองไม่เห็น ทำให้ว่ายผิดทิศ ยิ่งว่ายก็ยิ่งลึกลงไปมากกว่าเดิม หรืออีกวิธีคือ ปล่อยฟองอากาศจากปากเพื่อดูว่าลอยไปทางใด จากนั้นจึงว่ายไปตามฟองอากาศ นั้น

นี่เป็นคำแนะนำกรณี “รถกำลังเพิ่งจม”

กรณี “รถจมน้ำแล้วทั้งคัน” ขั้นตอน “วิธีเอาชีวิตรอด” ในกรณีนี้มีคำแนะนำไว้ดังนี้คือ… เมื่อไม่สามารถออกทางกระจกได้ กรณีนี้มีคำแนะนำคือไม่ควรพยายามรีบเปิดประตูรถเนื่องจากแรงดันน้ำภายนอกจะสูงกว่าในรถ จึงทำให้เปิดประตูรถไม่ได้ ดังนั้น ก็ “ต้องตั้งสติให้ดี” ระหว่างที่น้ำไหลเข้ารถ ระหว่างนั้นให้ยกหัวขึ้นเหนือระดับน้ำ รอน้ำเข้ามาในรถจนเกือบเต็มก็จะเปิดประตูรถได้ง่ายขึ้นเมื่อเปิดได้แล้วก็ให้เปิดให้กว้างที่สุด แล้วรีบออกมา เมื่อออกมาแล้วให้ปล่อยตัวลอยขึ้นเหนือน้ำโดยธรรมชาติ เพราะการพยายามว่ายน้ำอาจทำให้หลงทิศได้ …นี่เป็น “ขั้นตอนสำคัญ” กรณี “รถจมน้ำแล้วทั้งคัน”

ทั้งนี้ ข้อมูลคำแนะนำโดย กองป้องกันการบาดเจ็บ ยังมีส่วนทิ้งท้ายไว้ด้วย สรุปได้ว่า… การปฏิบัติตัวกรณีเกิดเหตุ “รถตกน้ำ” นี้…ทุกคนสามารถศึกษาเรียนรู้ “รู้ไว้ใช่ว่า…” และก็ควรมีการ “หมั่นทบทวน” ไว้ด้วย เผื่อต้องเป็นผู้ประสบภัยจะได้นำหลักปฏิบัตินี้ไป “เพิ่มโอกาสรอดชีวิต” รวมถึง “ช่วยชีวิตผู้อื่น” ซึ่งถ้าไม่เกิดสลบไปนาน ๆ จากการที่ “รถตกน้ำ” ล่ะก็…

รู้วิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องก็จะมีประโยชน์

ไม่ว่าจะขับรถเองจะแค่เป็นผู้โดยสาร

“รถตกน้ำ” ก็จะ “มีโอกาสรอดชีวิตได้”.